ทราย เจริญปุระ : อยากเจอ “พ่อ”

"ภารตะ-สยาม? ผี พราหมณ์ พุทธ?" เขียนโดย คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์มติชน, กรกฎาคม 2560

เวลาจะเล่าเรื่องที่เรารู้สึกว่าแปลก เราไม่ควรขึ้นด้วยคำว่า “รู้สึกแปลก” ใช่ไหม

ถ้าอย่างนั้นฉันเล่าย้อนไปก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน

ในวันที่พ่อฉันยังอยู่

คุณรุจน์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนดื้อ และไม่ค่อยสนใจพิธีกรรมอย่างที่คนเขาสนใจกัน บ้านฉันไม่มีทั้งศาลพระภูมิและศาลเจ้าที่ เพราะพ่อบอกว่าตัวพ่อนี่แหละ, คือเจ้าที่ ถ้าจะต้องไหว้สาบูชาใคร ก็มาไหว้พ่อนี่

แต่ก็เป็นพ่ออีกเช่นกัน ที่เห็นสิ่งที่–ไม่รู้จะหาคำอธิบายอย่างไรที่บ้านบ่อยเสียจนวันหนึ่งพ่อก็อ่อนใจ ยอมให้ตั้งศาลพระภูมิและศาลเจ้าที่ขึ้นมาในคราวเดียวกัน

เรื่องนี้เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าห้ามเอาไปล้อ เพราะคุณรุจน์จะงอนเอามากๆ ถ้าอยากจะพูดถึงขึ้นมาจริงๆ ให้บอกว่าตั้งเพื่อตามใจแม่

 

พ่อเป็นคนตามใจแม่อย่างยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร ในสายตาลูกอย่างฉันจึงกำหนดค่าไปในหัวว่า นี่คือความรัก

การตามใจแม่แม้แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นการบอกถึงความรัก แต่ฉันก็รู้เหมือนที่น้องๆ รู้นั่นล่ะ ว่าชีวิตคู่ของพ่อกับแม่นั้นก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดจะไปปูผ้าปูที่นอนให้กับคู่แต่งงานใหม่ได้ ไม่ได้ราบรื่นสงบสุขเหมือนในเทพนิยาย

แต่ถึงอย่างนั้น พอพ่อตายเข้าจริงๆ แม่ก็คงคิดถึงพ่ออยู่ล่ะมั้ง, ฉันเดา

เคยได้ยินแม่เปรยๆ เหมือนกันว่า พ่อไม่เห็นมาหาแม่บ้าง ฉันกับน้องยังเอาไปนินทาลับหลัง ว่าจะกลับมาอีกทำไมเล่า กว่าจะได้ตายจากกันไปนี่ก็อยู่กันมาจนเบื่อแล้ว

พอฉันกับน้องเล่าเรื่องว่าได้ยินเสียงพ่อกลับบ้าน เสียงฝีเท้าบวกเสียงกรุกริกของกุญแจบ้านกระทบกุญแจรถนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียจนคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่า, พ่อกลับมาแล้ว

แม่รู้เข้าก็ทำหน้าตาขุ่นเคือง ว่ามาหาแต่ลูก ทำไมไม่มาหาแม่บ้าง

 

และชีวิตก็ดำเนินต่อไป

ฉันป่วย น้องชายแต่งงาน เราทำร้านอาหารกันในบ้าน น้องสาวฉันมีลูก แม่ป่วย ฝนตก แดดออก ต้นไม้ผลิดอก และร่วงใบ

แล้วก็เริ่มมีคนเห็นพ่ออีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ฉันได้ไปออกรายการแล้วก็มีนักพลังจิตมาทำนายทายทักเรื่องห้องนอนแม่กับศาลที่ตั้งอยู่ในทิศเดียวกันว่ามันไม่ถูกต้องตามหลักที่เขาศึกษามา

ฉันก็ฟัง เพราะเวลาทำงานเราก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น ฟังและมีปฏิกิริยาตอบโต้ไปตามที่ควรจะเป็นในรูปแบบรายการ รับเงิน แล้วก็กลับบ้าน

ฉันไม่รู้ หรือเอาจริงๆ ก็ไม่สนใจนักในเรื่องศาสนาหรือพิธีกรรม-เหมือนพ่อ-ถ้าแม่พูดก็คงห้อยท้ายด้วยคำนี้ ฉันไม่กลัวผี แต่รู้สึกอยู่เสมอว่าโลกเราหมุนและเราย่างก้าวไปบนเศษซากของอดีต ชื่อว่างเปล่าไร้ใบหน้า ผู้คนเล็กๆ ที่ล้มหายตายจากโดยปราศจากการจดจำ ใครบางคนที่สำคัญกับใครสักคน เรื่องรักและเรื่องเศร้าที่ถูกลืมเลือน

สิ่งเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญกับฉันเกินกว่าพิธีกรรมอันสูงส่งที่รับต่อกันมา และถูกดัดแปลง แต่งเติมจนมันห่างจากชีวิตผู้คนทั่วไป กลายเป็นความลึกลับที่ต้องหาตัวกลางพิเศษมาสื่อสาร กลายเป็นเรื่องที่เราทำเองไม่ได้ กลายเป็นสิ่งสูงส่งศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะเอามาทำกันเล่นๆ

ฉันเชื่ออะไรแบบนี้ และสรุปกับตัวเองว่าฉันคงนับถือศาสนาผี พลังงานดั้งเดิมและปรากฏการณ์บางอย่างที่ทุกวันนี้อาจถูกอธิบายได้แล้วทางวิทยาศาสตร์ แต่สำหรับฉันก็ยังคงรู้สึกโรแมนติกกับความลี้ลับโบร่ำโบราณเหล่านี้ แม้จะไม่ได้มองมันอย่างยำเกรงเช่นคนผู้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์

เพราะหากปราศจากความลึกลับเสียแล้ว โลกก็หมดความน่าสนใจ

ฉันเบื่ออะไรยากๆ พิธีกรรมที่ต้องมีคำแปลแล้วแปลอีกจนห่างกลายจากความหมายดั้งเดิม

เหมือนอย่างที่พ่อฉันตาย คนที่ควรจะได้พบกับพ่อก็น่าจะเป็นฉัน ไม่ใช่คนอื่นอย่างที่เป็นตอนนี้

 

เมื่อบ้านถูกดัดแปลงเป็นร้าน ศาลถูกย้าย และแม่เปลี่ยนห้องนอนมานอนในห้องที่พ่อตาย น้องที่มาช่วยงานในร้านก็เริ่มบ่นถึงลูกค้าลึกลับคนหนึ่ง

เห็นหลังไวๆ แล้วก็หายไป

ชอบเดินเข้าไปในเขตบ้าน พอจะเดินไปห้ามก็หาตัวไม่เจอเสียแล้ว

ก็อย่างที่คนโตๆ แล้วควรจะเป็น, ฉันก็บอกน้องๆ ไปว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวจะช่วยกันสอดส่อง ไม่ให้มีคนแปลกหน้าเดินเข้าไปในเขตส่วนตัวอีก ทั้งที่พอถามไปถามมาก็เริ่มเดาได้จากรายละเอียดรูปร่างและเสื้อผ้าว่าน้องคงเห็นคุณรุจน์

หรือจิตใจอันอ่อนไหวของฉันชักจูงให้ฉันเชื่อไปเช่นนั้นกันแน่

ฉันคิดถึงพ่อ

คิดถึงมากๆ

มีเรื่องเป็นร้อยเป็นพันที่รู้สึกว่า หากเล่าให้พ่อฟัง อะไรๆ ที่มันขมวดอยู่ในใจคงคลี่คลาย เรื่องบางเรื่องพ่อคงช่วยฉันได้ และบางเรื่องอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำหากพ่อยังอยู่

ฉันรู้ว่านี่มันเป็นวิธีคิดแบบเด็กๆ ที่ไม่อยากรับมือกับปัญหา แต่ในวันที่เหนื่อยล้า ฉันก็อยากให้มีอ้อมกอดหรือหัวไหล่จากบางคนที่เข้าใจไว้ซับน้ำตา

 

ฉันบอกพระภูมิ

ฉันบอกเจ้าที่

ฉันอยากเจอพ่อ

อย่าห้ามให้พ่อเข้ามาเลยนะ

ที่สุดแล้วพ่อก็เป็นเจ้าของบ้าน พ่อตายที่นี่ ลมหายใจสุดท้ายพร้อมวิญญาณ-หากจะมีจริง-ถูกทิ้งไว้ในห้อง ซึมลึกลงไปที่ฐานราก หยั่งลึกลงในผืนดินที่ต้นไม้ในสวนงอกงาม

หากชีวิตหลังความตายจะมีจริง

ฉันคงทนไม่ได้ถ้าพ่อตัดสินใจไม่มาเจอฉัน

และหากชีวิตหลังความตายไม่มีอยู่จริง

หัวใจของฉันคงโศกเศร้าที่รู้ว่าคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต ไม่อาจทอดสายตาลงมาดูฉันได้อีกแล้ว