“สุวพันธุ์” ลั่น ให้ ป.ป.ช.สอบผู้เกี่ยวข้อง ปมพระผู้ใหญ่เอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียน

“สุวพันธุ์” ลั่น ปมพระผู้ใหญ่เอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ให้ ป.ป.ช.สอบผู้เกี่ยวข้อง ยัน รบ.ยึดกระบวนการยุติธรรม ตรงไปตรงมา แย้ม มีข้อมูลล็อตใหม่ ไม่หวั่นถูกวิจารณ์ทำลายศาสนา เชื่อทุกฝ่ายทำตามหน้าที่

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งมีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ถูกกล่าวหา ได้แก่ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมส. 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการมส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ว่า ตนได้หารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว และได้สั่งการ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ให้ดำเนินการกับข้าราชการทั้งหมดรวมถึงอดีตผอ.พศ.ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและแนวทางนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นผลจากการดำเนินงานของพศ. ที่ได้พบการร้องเรียนการทุจริตใช้งบอุดหนุนวัดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2560 ใน 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1.อุดหนุนเรื่องปฏิสังขรณ์วัด 2.อุดหนุนเรื่องการศึกษาของโรงเรียนปริยัติธรรม และ 3.อุดหนุนเรื่องการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา เช่น การอบรม ทาง พศ.จึงส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สืบสวนสอบสวน จึงพบว่ามีอดีต ผอ.พศ. และข้าราชการหลายคนและทางวัดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทางตำรวจสอบสวนกลางจึงทำหนังสือถึง ผอ.พศ.ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ปปป. และทาง ปปป. เห็นว่าเกี่ยวพันข้าราชการ เอกชน บุคคลทั่วไป จึงส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พระผู้ใหญ่ 3 รูป ที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) และถูกกล่าวหา จะต้องออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องแยกกัน เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็ว่าไป เรื่องคณะสงฆ์ก็อีกเรื่อง ทั้งนี้ เจตนาของทุกคนคืออยากบำรุงพระพุทธศาสนา อะไรที่ทำให้ศาสนาเจริญรุ่งเรืองได้ รัฐบาลก็ไปทางนั้น คณะสงฆ์ก็จะเดินไปทางนั้น อย่างไรก็ตาม ทุกเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ให้ดำเนินการไป ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนา ตนเชื่อว่า มส.ต้องมีการหารือกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้พระผู้ใหญ่หลายท่านไม่พอใจการทำหน้าที่ตรวจสอบของ พ.ต.ท.พงศ์พร จะทำให้การตรวจสอบมีอุปสรรคหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า พศ.ก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ผอ.พศ.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษพระผู้ใหญ่และผู้เกี่ยวข้องตามหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ส่งมา ไม่ดำเนินการก็ไม่ได้ เมื่อเรื่องเข้ากระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด ให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายบอกว่าชอบก็ชอบแล้ว ถ้ากฎหมายบอกไม่ชอบก็ไม่ชอบ สังคมจะได้สบายใจ เรื่องนี้ตนว่าง่ายๆ ไม่ยาก

เมื่อถามว่า ท่านยังสนับสนุนการทำหน้าที่ตรวจสอบของผอ.พศ.อย่างเต็มที่ใช่หรือไม่ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยึดความถูกต้อง ตรงไปตรงมา โปร่งใส เราเดินไปตามนั้น ขณะเดียวกัน งานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ทุกอย่างต้องอยู่บนหลักความถูกต้องโปร่งใส เราต้องเดินแบบนั้น

เมื่อถามว่า หากเรื่องดังกล่าวมีพระผู้ใหญ่กระทำผิดจริงก็จะไม่ละเว้นใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “จะให้ผมตอบแบบนี้มันไม่ได้ ผมตอบได้แต่เพียงว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นไปตามข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน ให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ไป ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องล็อตใหม่อีกหรือไม่ต้องรอการสอบสวนของตำรวจ เพราะตามข้อมูลที่ผมมียังมีการสอบสวนเหลืออยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะมีล็อตต่อไปเมื่อไหร่ จะเป็นใครอะไรยังไงไม่ทราบรายละเอียด แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากให้ดำเนินการให้รวดเร็ว ไม่อยากให้ยืดเยื้อ เราต้องมาช่วยกัน”

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่พระผู้ใหญ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ผอ.พศ.ว่าการดำเนินการตรวจสอบเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมว่าเป็นเรื่องของการสร้างการรับรู้ ทุกฝ่ายก็ทำตามหน้าที่”