กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร : แจ็ก มา “ซ่อมหลังคา ตอนไหนดี”

เช้าวันหนึ่ง หลังจากตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อย

คุณเดินออกมาจากห้องนอน ลงบันไดมาที่ชั้นล่าง เข้ามาที่ห้องครัว

จัดแจงหยิบกับข้าวที่เหลือจากเมื่อคืน มาวางบนโต๊ะอาหาร

เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ของวันนี้

“ฉบับตรวจลอตเตอรี่”

คุณจำได้ว่า เมื่อวานซื้อลอตเตอรี่มาปึกหนึ่ง

จึงเดินไปหยิบมาตรวจ

ปรากฏว่า “ถูกรางวัลที่หนึ่ง”

คุณคำนวณตัวเลขดูแล้ว น่าจะได้เงินรางวัลอยู่ที่

“ห้าสิบล้านบาท”

แม่เจ้า คุณดีใจมาก อยากจะร้องตะโกนบอกใครสักคน

คุณจึงโทร.ไปหาแฟน ที่เพิ่งจะออกไปทำธุระนอกบ้าน

“ที่รัก เราถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง น่าจะได้สักห้าสิบล้านบาท เราจะรวยกันแล้ววววว”

แฟนคุณทำเสียงเข้มตอบกลับมา “คุณบอกใครรึยัง”

คุณตอบ “ยังเลย บอกคุณเป็นคนแรก เดี๋ยวคิดว่าจะโทร.บอกที่บ้านสักหน่อย”

แฟนคุณตะโกนผ่านโทรศัพท์ออกมา “อย่านะ อย่าบอกใคร เดี๋ยวจะลำบาก เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ”

คุณชั่งใจ “ความลับไม่มีในโลกหรอก” ยังไงเดี๋ยวก็ต้องมีคนรู้ แต่ก็ไม่อยากขัดใจแฟน

คุณจะทำอย่างไร กับเงินห้าสิบล้านนี้

 

เมื่อสมัยก่อน

เวลาเรานึกถึง “นักธุรกิจ” ที่โด่งดังระดับโลก

ชื่อที่มักจะผ่านเข้ามาในหัวคนส่วนใหญ่ เป็นอัตโนมัติ

ผมเชื่อว่า คงหนีไม่พ้น สตีฟ จ็อบส์ บิล เกตส์ หรือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

หน้า “ฝรั่งๆ” ลอยมาแต่ไกล

ไม่ยักกะมี “หน้าจีน” ผ่านเข้ามาในความคิด

จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

กระแสของนักธุรกิจจากฟาก “เอเชีย” ก็เริ่มจะผ่านเข้ามาให้เราได้ “คุ้นหู” กันบ้าง

ที่โด่งดังที่สุด คงจะหนีไม่พ้น “แจ๊ก มา” แห่งอาณาจักร “อาลีบาบา”

ชายผู้เปลี่ยนโลก “อี-คอมเมิร์ซ” ของโลกใบนี้ไปตลอดกาล

ขนาดที่ทำให้ “เจฟ เบซอส” ผู้ก่อตั้ง “อเมซอน” บริษัท “อี-คอมเมิร์ซ” อันดับหนึ่งในประเทศอเมริกา

“หลับไม่เต็มอิ่ม” เลยทีเดียว

ก็ “กระบวนท่า” ของ “จระเข้” ในแม่น้ำ “แยงซี” นะสิ

“สวนทาง” แนวคิดของ “ลุงแซม” เสียมาก

 

หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “อเมซอน” นั้น เคยจะต้องเสียท่าเกือบ “เจ๊ง” มาหลายครั้ง

เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะ “ลงทุน” เกินตัว จน “เงิน” หมด สายป่านยาวเกือบไม่พอ

ครั้งที่รุนแรงที่สุด คงจะเป็นเมื่อปี 2000 ที่ฟองสบู่ของ “ธุรกิจอินเตอร์เน็ต” แตกดังโพละ

จนเกือบจะเอาตัวไม่รอดมาแล้ว

ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ใช่แค่บริษัทอย่าง “อเมซอน” ที่เคยผ่านวิกฤตแบบนี้

แม้แต่บริษัทที่ตอนนี้ทั้งโลกจับตามองอย่าง “เทสลา”

บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่หลายๆ คนชื่นชม ชอบใจในความ “อัจฉริยะ” ของ “อีลอน มัสก์”

ก็เคยเกือบเอาตัวไม่รอดมาแล้ว ด้วยสาเหตุเดียวกัน

เผลอ “ลงทุน” จนเกินตัว แถมประจวบเหมาะ มาเจอกับ “วิกฤต” ด้านการเงิน “ซับพราม (Sub-Prime) ในอเมริกา เมื่อปี 2008

จนเกือบจะต้องขายบริษัท ไปให้ “กูเกิล” เสียแล้ว

จะเห็นว่า ปรัชญาทางธุรกิจของบริษัทในแถบ “อเมริกา” นั้น

เน้น “ขยายการลงทุน” มากๆ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี โลกสวยสุดๆ

และหลายครั้งต้องมา “เกือบตาย” เมื่อเจอวิกฤต เนื่องจาก “เงิน” ไม่พอเลี้ยงบริษัท

 

อีกฟากหนึ่งของซีกโลก

“แจ๊ก มา” มีกลยุทธ์ที่เรียกได้ว่า “ตรงข้าม” เลยก็ว่าได้

เขาเรียกว่า “ซ่อมหลังคาตอนแดดออก”

เมื่อ “แดดออก” บรรยากาศดี ไม่มี “วิกฤตการเงิน” ใดๆ เศรษฐกิจราบรื่น

แจ๊ก มา จะรีบหา “เงินกู้” เข้ามาเก็บไว้ในบริษัทก่อนเสมอ

มีเงินสดไว้ อุ่นใจกว่า พร้อมลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่ผลีผลาม

เมื่อใดฝนตก มีวิกฤตการเงินเกิดขึ้น ตลาดเงินไม่เอื้ออำนวย

อาลีบาบา ก็เหมือนบ้านที่ “หลังคาไม่มีรอยรั่ว”

สามารถ “ลงทุน” ได้อย่างต่อเนื่อง ตามแผนที่วางเอาไว้

ไม่ต้อง “ดิ้นทุรนทุราย” เหมือนบริษัทค่ายอเมริกัน ที่ “ลงทุน” เกินตัว

แนวคิด “ซ่อมหลังคาตอนแดดออก” เช่นนี้ ไม่ใช่แค่ “แจ๊ก มา” เท่านั้นที่นำไปใช้

“เหรน เจ้ง เฟย” ผู้ก่อตั้งบริษัท “หัวเหว่ย (Huawei)” ยักษ์ใหญ่ทางด้านโทรคมนาคมของจีน

ที่กำลังจะก้าวเป็นเบอร์หนึ่งของโลกเร็วๆ นี้

ก็ “ใช้” กลยุทธ์นี้ เช่นเดียวกัน

เขาบอกว่าปรัชญาการทำธุรกิจของ “โลกตะวันออก” กับ “ตะวันตก” นั้น “แตกต่าง” กัน

พวก “ฝรั่ง” คิดเล็กคิดน้อย คิดว่า “การลงทุน” มากๆ หาเงินมาพอดีๆ

จะทำให้ “ต้นทุนการเงิน” นั้นต่ำ เพราะไม่ต้องเสีย “ดอกเบี้ย” โดยไม่จำเป็น

พวก “อาเจ็ก” จะไม่คิดเล็กคิดน้อย ปิดความเสี่ยงไปเลยดีกว่า

ตอนนี้ “หาเงิน” มาเก็บไว้ก่อนได้ ก็เอา

เลือกที่จะ “นอนหลับสบาย” เพื่อตื่นมาบริหารธุรกิจได้เต็มที่

แทนที่จะต้อง “กังวล” สะดุ้งโหยงที เวลาที่ “ตลาดการเงิน” ไม่เป็นใจ

สอง “แนวคิด” ที่แตกต่าง

ท่านผู้อ่านสามารถเลือก “กลยุทธ์” ได้ตาม “จริต” ของตัวเอง นะครับ

 

อีกแนวคิดที่น่าสนใจจาก “แจ๊ก มา”

ต่อยอดจาก “ซ่อมหลังคาตอนแดดออก”

เขาเคยบอกไว้ว่า “ถ้าเราได้ทองคำมาหนึ่งก้อนใหญ่ หลายคนเลือกที่จะเก็บเอาไว้เอง แล้วตกดึกก็นอนไม่หลับ กลัวว่าใครจะมาขโมย ตัวเขาเองเลือกที่จะทุบทองคำก้อนนั้นเป็นชิ้นๆ หลายๆ ขนาด ตัวเองเก็บก้อนที่ใหญ่ที่สุดไว้ ก้อนเล็กๆ ก็แจกจ่ายให้กับคู่ค้า พันธมิตร ทีนี้ คนก็จะมองว่า เรามีน้ำใจ คบค้าได้ ไม่ต้องกลัวจะโดนแทงหลัง”

ในช่วงที่เศรษฐกิจขาลง เมื่อปี 2008 คู่ค้าของอาลีบาบา ล้มหายตายจากไปหลายราย

ซึ่งส่งผลเสียต่อตลาดการค้าของอาลีบาบาเองด้วย

“แจ๊ก มา” ที่มีเงินอยู่ “เต็มกระเป๋า” ถึงกับออกนโยบายที่ “สุดโต่ง” ว่า “ไตรมาสที่หนึ่งของปี 2009 อาลีบาบาจะไม่ทำกำไร”

เขาเอากำไรที่ควรได้ มาช่วยคู่ค้า ให้ “รอด” วิกฤต ด้วยการ “ลดค่าธรรมเนียมซื้อขาย” อย่างมโหฬาร

เพราะ “ความยั่งยืน” ยังไงก็สำคัญกว่า “ความมั่งคั่ง” เพียงชั่วคราว

และที่ทำได้ก็เพราะ “หลังคาไม่รั่ว” เมื่อฝนตก

 

รู้แบบนี้

ถ้าคุณถูก “ลอตเตอรี่” ห้าสิบล้านบาท

“ทางเลือก” คงมีไม่มาก

หนึ่ง แบ่งปันคนใกล้ตัว เก็บส่วนหนึ่งไว้

สอง เก็บเงียบ ไม่ให้ใครรู้

แล้วตกดึกก็ “ข่มตานอน” ให้หลับ