ฐากูร บุนปาน : มองดูเพื่อนบ้าน แล้วหันมองไทย ถ้าได้ “เลือกตั้ง”

ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคอุษาคเนย์ (ตามสำนวนของคุณสุจิตต์และคุณไมเคิล ไรท์) ในปีสองปีนี้น่าสนใจยิ่ง

กลางปีนี้จะมีเลือกตั้งใหญ่ในมาเลเซียและกัมพูชา

ส่วนเมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (อีก) ต้นปีหน้าก็ควรจะได้เลือกตั้งกันเสียที

หมายเหตุตรงนี้ว่า สำหรับท่านที่มีอายุพอสมควรแล้ว หมดวัยฟังนิทานก่อนนอน

บางเรื่องก็ควรจะฟังหูไว้หูบ้าง (ฮา)

เอาที่มาเลเซียก่อน

ใครเลยจะคิดว่าเจ้านาย-ลูกน้องเก่า ที่ช่วงหนึ่งกลายเป็นคู่แค้นชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เพราะฝ่ายหนึ่งจับอีกฝ่ายหนึ่งยัดคุกดื้อๆ อย่างมหาธีร์ โมฮัมหมัด กับ อันวาร์ อิบรอฮิม จะกลับมาจับมือกันใหม่

เป็นพันธมิตรสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อโค่นล้มนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

จะโค่นได้หรือไม่ ยังไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ คือ แต่ละฝ่ายงัดกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างเท่าที่มี ทั้งบนดินใต้ดินออกมากระหน่ำใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง

ล่าสุดนี้นาจิบออกหมัดเด็ด ด้วยการประกาศแจกเงิน “สดๆ” ให้ประชาชนจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง

หากตนเองชนะการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้

และแค่ประกาศวันเลือกตั้งก็ “มันส์” แล้ว

ปกติในมาเลเซียเอง (และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก) วันเลือกตั้งมักจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนใหญ่คือวันอาทิตย์

แต่นี่ กกต.มาเลเซีย (ซึ่งแน่นอนว่าสนิทสนมกับรัฐบาล) เล่นประกาศให้เลือกตั้งกันวันพุธ

เตะตัดขาอีกฝ่ายหนึ่งดื้อๆ

แต่ผลจะออกมาอย่างไร

ติดตามด้วยดวงหทัยระทึกพลันครับ

มาเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออกอย่างกัมพูชา

หลังจากเลือกตั้งครั้งที่แล้วเกือบแพ้ฝ่ายค้านที่มีสม รังสี เป็นแกนนำชนิดเจียนอยู่เจียนไป

หลายปีมานี้ สมเด็จ ฮุน เซน วางแผนเตรียมรับมือการเลือกตั้งครั้งใหม่แบบจัดหนักมาตลอด

ด้านหนึ่ง ก็ตั้งคดีเพิ่มข้อหาสารพัด จนกระทั่งสม รังสี ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ

และผู้นำฝ่ายค้านคนอื่นๆ ถ้าไม่ถูกสังหารอย่างมีเงื่อนงำ ก็เข้าไปอยู่ในคุกกันหมด

อีกด้านหนึ่ง ก็เริ่มปั้นทายาทใหม่อย่างฮุน มานี ลูกชายคนเล็กขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนทางการเมือง

และไปรวบรวมเอาทายาทของผู้นำทางการเมือง เศรษฐี มหาเศรษฐีทั้งหลาย เป็นสมาคมสมาพันธ์ มีงานสังคม มีธุรกิจสารพัด

เหลือแต่พิสูจน์ตัวเองหลังเลือกตั้ง (เพราะคงชนะแหงๆ)

ว่าพอถึงเวลาต้องมารับงานการเมืองแล้ว ถึงจะมีรุ่นพ่อรุ่นพี่คอยประคองอยู่

กลุ่มคนที่ถูกปลูกฝังให้ผู้นำรุ่นใหม่ของกัมพูชา

มือถึงหรือไม่

กลับมาถึงเมืองไทย

จะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ไม่รู้ ถ้ามี-จะเลือกกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีก

แต่รู้เบื้องต้นว่า จากโพลสำนักนั้นสำนักนี้ (โดยเฉพาะโพลที่หน่วยราชการทำนำเสนอผู้นำรัฐบาล)

สำรวจออกมาหนไหน พรรคเพื่อไทยก็ชนะการเลือกตั้งหนนั้น

นัยว่าไม่ใช่ชนะกันธรรมดา (ทั้งที่พยายามเขียนกติกาเตะตัดขาก็แล้ว)

แต่ว่าพรรคเดียวเฉียดครึ่งสภา

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นรัฐบาลแน่ๆ

แต่ถามว่าได้เป็นแล้วแล้วจะเป็นไงต่อ

ได้เป็นรัฐบาลครั้งใหม่ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งที่ผ่านมาหรือไม่

ระบบการบริหารพรรคยังอยู่กับคนหยิบมืออีกหรือไม่

ความไม่ชอบมาพากล (เพราะระบบที่ไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสินใจ) ยังดำรงอยู่หรือไม่

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ชะตากรรมของสังคมไทยจะเป็นอย่างไร

วนอยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างเดิมหรือไม่

ในวันที่โลกยังเป็นใบเก่าเหมือนเลือกตั้งคราวที่แล้วก็อาจจะไม่เท่าไหร่

แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป (ถ้ามี) จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย

ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าจะทำให้เกิดอะไรขึ้น

หรือจะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่

แต่ตัวอย่างอื่นๆ จากโลกดิจิตอลสอนให้รู้ว่า อย่าประมาทกับความผันผวนในโลกยุคใหม่นี้เป็นอันขาด

ที่พูดๆ กันว่าใหญ่ๆ ล้มตึงนั้น

เกิดขึ้นไม่น้อยแล้วในยุคนี้

ขออนุญาตตบท้ายดื้อๆ ว่า

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ