กาละแมร์ พัชรศรี : ทำถึงเมื่อไหร่…

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า “คุณจะหยุดทำงานเมื่อไหร่”

สำหรับฉัน ฉันเคยคิดกับตัวเองเล่นๆ ว่า 40 จะหยุดทำงาน

และตอนนี้ฉันอายุ 41 จะย่างเข้า 42 ในเดือนตุลาคม ฉันยังไม่เห็นวี่แววของการจะหยุดทำงานของตัวเองเลย (ฮา)

แล้วเราจะต้องทำไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ

ที่ฉันเคยบอกว่าจะทำถึง 40 นั่นหมายความว่า หลังจากนี้ ไม่มีอะไรคือความจำเป็นที่ต้องทำ

ฉันจะทำเพราะฉันอยากทำ

ฉันจะทำเพราะฉันรักมัน

ฉันจะทำเพราะฉันสนุกกับมัน

 

และเวลานี้ที่ฉันกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ฉันทำงานเยอะมาก มีบางวันที่ร่างกายและสมองเหนื่อยล้าบ้าง แต่พอฉันกลับมาถามตัวเอง ถ้าย้อนกลับไปจะทำหรือไม่ ก็ยังตอบเหมือนเดิมว่า “ทำ”

เพราะทุกงานที่ทำเป็นงานที่อยากทำ ไม่ได้เอาเงินมาเป็นตัวตั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำงานไม่เอาเงิน ก็บ้านยังต้องผ่อน พ่อแม่ยังต้องเลี้ยง เดินทางก็ต้องไม่เพลี่ยงพล้ำ ความสุขบางอย่างไม่ต้องใช้เงิน แต่ก็มีความจำเป็นบางอย่างที่เงินทำให้เรามีความสุข สะดวก สบายมากขึ้น

ที่สำคัญเวลาที่เราไม่ขัดสน เรารู้ว่าเราสามารถใช้จ่าย และแม้แต่อยากจะทำบุญ ทำกุศล บริจาคช่วยเหลือใคร เท่าไหร่ เราทำได้เลยโดยไม่ต้องมาคิดมาก นั่นเป็นภาวะที่ฉันมีความสุขมาก เราให้เขาได้โดยที่เราไม่ลำบาก

และเมื่อเรามีสภาพคล่องในการใช้จ่าย วางแผนการเงินเป็น มันส่งผลถึงความคิด การตัดสินใจ การใช้ชีวิต และสภาพจิตใจของเราด้วย

อย่าคิดว่าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนเราเลิกกัน ฆ่ากัน ใส่ร้ายกัน ผิดใจกัน อิจฉากัน ทรยศกัน รบกัน อย่าบอกว่าไม่ใช่เรื่องเงิน

แต่ถ้าเรารู้ว่าเรามีเท่าไหร่ เราจะรู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิต และที่แน่ๆ มันดีกว่าตอนที่เราติดขัด เป็นหนี้ ดอกเบี้ยหัวโต ไม่มีเงินเป็นแน่ ใครที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นั้น คุณรู้ดีว่ามันบีบหัวใจขนาดไหน นอนยังไม่หลับ ข้าวก็กินไม่อร่อย หายใจยังไม่ค่อยคล่องเลย ทำไมฉันจะไม่เคยอยู่ในภาวะนั้น ฉันจึงบอกกับตัวเองเสมอว่า เราจะไม่ไปอยู่จุดนั้นอีกแล้ว

และเมื่อเรามีแบบที่เราอุ่นใจได้ เวลาเราเจอปัญหาบางอย่างเข้ามาในชีวิต เช่น เจอคนบ้าๆ บอๆ เอาเปรียบ เจอความไม่ยุติธรรม เสียรู้คน โดนโกง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าคุณหันมาดูว่า สิ่งที่เสียเทียบกับสิ่งที่มี และประสบการณ์ที่ได้ ก็ช่างแมร่งเหอะวะ เราก็ไม่ได้แย่อะไรนี่หว่า ปล่อยวางเรื่องไร้สาระ คนบ้าๆ บอๆ ออกไป แล้วไปโฟกัสกับสิ่งที่ดีๆ แง่บวกเพื่อให้งอกเงยสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต ใจของเราจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดวนๆ กับเรื่องลบๆ ข้ามมันไปเลย แล้วไปคิดแต่เรื่องจรรโลงใจแทน และเราจะได้มากกว่าเราเสียไปอีก เชื่อฉันสิ!

แต่ทุกอย่างต้องมีการวางแผน ลงมือทำแบบมีวินัย เอาจริงเอาจัง ไม่ท้อระหว่างทาง มองเป้าหมายให้ชัดเจน แม้เหนื่อยก็ต้องให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ

 

ทุกวันนี้สิ่งที่จะทำให้ฉันลุกขึ้นมาลงมือทำอะไรสักอย่าง มันจึงไม่ใช่แค่ว่า ได้รับค่าตอบแทนอีกต่อไป

รายการที่ฉันรับเป็นพิธีกร รายการนั้นต้องสนุก ได้ทำงานแล้วสนุก สบายใจ คนดูได้อะไรจากที่เราทำ ล่าสุด ฉันไปทำรายการชื่อ “สงครามปลายจวัก” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ 18.20 น.

พูดตรงๆ ว่า ตอนแรกไม่อยากทำ เพราะยังมองไม่เห็นความสนุก แต่มันมีเซ้นส์บางอย่างบอกให้ฉันไปทำรายการนี้เถอะ แล้วมันก็จริงดังนั้น

ฉันได้เจอโปรดิวเซอร์เทพที่ชื่อ “พี่รุ่ง”

ในเวลาที่ฉันมีความตื่นเต้นกับทีวีน้อยลงทุกวัน การได้ทำงานกับพี่รุ่ง ทำให้ฉันอยากจะไปทำรายการนี้ทุกครั้งที่มีการบันทึกรายการ

ฉันได้เห็นการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้วิชาการทำรายการเกม ได้กลับไปเป็นเด็กใหม่อีกครั้ง

และที่สำคัญฉันได้เจอเชฟเทพๆ ที่ทำอาหารเก่งๆ มากมาย ได้เห็นการแก้ไขปัญหา ได้เห็นการทำงานกับคนที่เพิ่งรู้จัก ได้เห็นเทคนิคทำอาหารแบบแปลกใหม่ ได้กินอาหารที่เป็นศิลปะและไม่คิดว่ามันมีอาหารแบบนี้ รสชาตินี้ในโลกด้วยเหรอ ได้รู้จักคณะกรรมการผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านอาหารมาโชกโชน เหมือนได้เพื่อนใหม่

มันสนุกและคือโลกใหม่ที่ฉันไม่เคยเจอ

ตอบคำถามที่จั่วหัวด้านบนคือ “ทำถึงเมื่อไหร่…”

ทำเมื่อเราสนุก….มันคือคำตอบค่ะ