หนุ่มเมืองจันท์ : จักรวาล “ไทบ้าน”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน เพิ่งนั่งคุยกับ “โต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ”

ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.1”

หนังไทยอีสานที่กำลังมาแรงในวันนี้

รายได้ใน กทม. ปริมณฑล และเชียงใหม่ ตอนนี้ประมาณ 20 ล้านบาท

ถ้ารวมในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสาน ที่ “โรงแตก” ในหลายจังหวัด

รายได้น่าจะ 40-50 ล้านบาทแล้ว

สร้าง “ปรากฏการณ์” อีกครั้งหนึ่งหลังจาก “ไทบ้านฯ” ภาคแรกเคยทำสำเร็จมาแล้ว

ภาคแรกลงทุนแค่ 2 ล้านบาท

แต่ทำรายได้ประมาณ 40 ล้านบาท

เรื่องนี้แพงขึ้นหน่อย ประมาณ 6 ล้านบาท

คาดว่ารายได้จะจบที่ประมาณ 80 ล้านบาท

พลังของ “คนอีสาน” แรงจริงๆ

ไม่ใช่แค่ “หนัง” นะครับ เพลงประกอบภาพยนตร์ของ “ไทบ้านฯ” ก็แรงสุดๆ

เพลง “ระเบิดเวลา” แค่ 2 สัปดาห์ 12 ล้านวิว

ในขณะที่ “คำสัญญาแห่งคริสต์มาสอีฟ” เพลงใหม่ของ BNK48 ที่ปล่อยออกมาในช่วงเดียวกัน

แค่ 1.1 ล้านวิว

“ไทบ้านฯ” ชนะ “โอตะ” ขาดลอย

“โต้ง” บอกว่า ในยูทูบ “ระเบิดเวลา” มาที่ 1 ตลอด

เพิ่งมาแพ้ “บุพเพสันนิวาส” ไม่กี่วันมานี้เอง

ผมนั่งค้นข้อมูลย้อนหลัง เพลงประกอบภาพยนตร์ของ “ไทบ้านฯ” ที่ผ่านมา ยอดวิวไม่ธรรมดาเลย

เพลงแรกของ “ไทบ้านฯ” ภาค 2 คือเพลง “ฟ้าสั่ง”

เปิดตัวเดือนมกราคม ตอนนี้ 50 ล้านวิว

แต่ที่แรงที่สุด คือ “ทดเวลาบาดเจ็บ” เพลงประกอบภาพยนตร์ของ “ไทบ้านฯ” ภาคแรก

257 ล้านวิวครับท่าน

เพลงอื่นๆ ในภาคแรกอีกหลายเพลงก็มียอดวิวสูงมาก

“สเตตัสถืกถิ่ม” 95 ล้านวิว

“บ่ลอด” 33 ล้านวิว

“โต้ง” บอกว่า เฉพาะเพลงก็ทำรายได้ให้ “ไทบ้านฯ” ภาคแรกประมาณ 3 ล้านบาทแล้ว

กลายเป็นแหล่งหารายได้ใหม่ของน้องๆ ทีม “ไทบ้านฯ”

ศิลปิน “บอย พนมไพร” คิวเดินสายในภาคอีสานแน่นเอี๊ยด

นี่คือ เรื่องที่ “คนกรุง” ไม่ค่อยรู้

ตํานานของหนัง “ไทบ้านฯ” สนุกมากครับ

ที่มีชื่อต่อท้ายว่า “เดอะซีรีส์” เพราะ “ศักดิ์” สุรศักดิ์ ป้องศร และเพื่อนๆ ที่ทำหนังเรื่องนี้เห็นว่า “เด็กเมืองกรุง” มี “ฮอร์โมน เดอะซีรีส์”

“เด็กอีสาน” ก็น่าจะมี “เดอะซีรีส์” ของตัวเองบ้าง

แต่เสนอเรื่องให้ใครก็ไม่มีใครเอา

สุดท้ายมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งก็เลยทำหนังตัวอย่างขึ้นมาลงใน “ยูทูบ” และ “เฟซบุ๊ก”

ปรากฏว่ามีคนชอบเยอะมาก และยุให้ทำเป็นหนังแทน

แต่น้องกลุ่มนี้ไม่มีทุน เขาเลยคุยกับ “โต้ง” ซึ่งเป็นพี่ที่ให้ความช่วยเหลือเขามาตลอด

“ใช้เงินเท่าไร”

“ถ้ามีทุน 3 ล้าน ผมทำได้ครับ”

“2 ล้านได้ไหม”

“ได้ครับ”

นี่คือ ประโยคสนทนาแบบงงๆ ระหว่าง “โต้ง” กับน้องกลุ่มนี้

และกลายเป็นที่มาของหนังที่ลงทุนต่ำสุดๆ อย่าง “ไทบ้าน เดอะซีรีส์”

ทุกอย่างทำกันแบบบ้านๆ

แต่บทภาพยนตร์ของเขาไม่ “บ้าน” เลย

นักวิจารณ์หลายคนชมว่าบทของเขาดีมาก

ที่หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จก็เพราะเข้าถึง “อินไซด์” ของ “คนอีสาน”

“คนอีสาน” ย่อมเข้าใจ “คนอีสาน” ดีที่สุด

และเป็น “อีสานยุคใหม่” ที่โดนใจวัยรุ่นด้วย

“ไทบ้านฯ” ภาคแรก ใช้กลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง”

ฉายที่ภาคอีสานก่อน

“โรงแตก” เป็นจังหวัด-จังหวัด

กระแสแรงจน “เมเจอร์-เอสเอฟ” ต้องยอมนำมาฉายในเมืองกรุง

เรื่องราวของ “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ภาค 2” ก็สนุกเช่นกัน

เริ่มจากน้องๆ กลับไปสู่ความตั้งใจเดิม คือ อยากทำเป็นละครซีรีส์ทางโทรทัศน์

คุยกับช่องเรียบร้อยแล้ว

แต่มีปัญหาที่ “บท”

เพราะเรื่องนี้มีเรื่อง “พระ” มาเกี่ยวข้องด้วย

ตัวละครตัวหนึ่งอกหักเลยมาบวชเป็นพระ

สีสันของเรื่องราวก็ตามแบบ “ไทบ้านฯ”

ช่องกลัว

กลัวว่าจะไม่ผ่านเซ็นเซอร์

จะให้ปรับบท

น้องกลุ่มนี้ก็ไม่ยอม

สุดท้ายก็เลยกลับมาสู่ “จุดเดิม”

ทำเป็น “หนัง”

แต่เนื่องจากบทที่เตรียมมากะทำเป็นซีรี่ส์หลายตอนจบ

จะตัดให้เหลือแค่หนัง 2 ชั่วโมงไม่ไหว

นั่นคือ ที่มาของหนัง “ไทบ้านฯ” ภาค 2

2 ตอนจบ

คือ ไทบ้านฯ 2.1 และไทบ้านฯ 2.2

และตามมาด้วยแผนธุรกิจ

“จักรวาลไทบ้าน”

เราเคยได้ยินแต่ “จักรวาลมาร์เวล”

คือ การผลิตภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หลายๆ คนให้มีความเกี่ยวเนื่องกันของค่ายหนัง “มาร์เวล”

“ซูเปอร์ฮีโร่” มารวมกันเรื่องหนึ่ง

แล้วค่อยแตกเป็นเรื่องใหม่

“จักรวาลไทบ้าน” ก็คิดแบบเดียวกัน

จากหนัง “ไทบ้านฯ” ภาค 1-2 ที่มีตัวละครเด่นๆ หลายคน

เขาเตรียมแยกตัวละครบางตัวออกมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“สัปเหร่อ” และ “เดอะ ป่อง” คือ หนังใหม่ที่เขาเตรียมไว้แล้ว

หลังจบ “ไทบ้านฯ 2.2 ”

และยังมีแผนปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงประกอบภาพยนตร์ออกมาเป็นระยะๆ

เพราะเขารู้ว่าเป็นแหล่งทำเงินที่กินเงียบๆ ไปเรื่อยๆ

ผมชอบวิธีคิดของทีมนี้มาก

เป็น “คนตัวเล็ก” ที่กล้าคิดและกล้าฝัน

โดยมี “พี่ใหญ่” อย่าง “โต้ง” คอยให้ท้าย

สิ่งที่เขาทำถือว่า “นอกกรอบ” สุดๆ

ผิดขนบของหนังไทยทั่วไป

ครั้งหนึ่ง เขาเคยคิดจะเลียนแบบค่ายหนังใหญ่ๆ บ้าง

“โต้ง” เล่าว่าพอหนังภาคแรกทำรายได้ดี น้องๆ ก็คิดจะทำ “ซูวิเนียร์” หรือ “ของที่ระลึก” ขาย

ทำหมอนที่มีภาพของดาราในเรื่องขาย

ทำแค่ 250 ใบ

…หมดเกลี้ยงครับ

“เพราะผมซื้อ 200 กว่าใบ”

สรุปคือขายไม่ได้ “โต้ง” ต้องเหมาไปแจกชาวบ้าน

กลายเป็น “ปรัชญา” ของทีม “ไทบ้านฯ”

อะไรที่เขาทำ อย่าทำ

อะไรที่เขาไม่ทำ

ทำเลย