จิตต์สุภา ฉิน : วิถีแห่งรอยบาก

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

กันยายนปีที่แล้ว Apple เปิดตัว iPhone X เป็นครั้งแรก พร้อมกับดีไซน์หน้าจอไร้ขอบตั้งแต่หัวจรดเท้าชนิดไม่มีปุ่มโฮมมาให้สะดุด สวยจนแทบจะไร้ที่ติ

ซึ่งที่ต้องบอกว่า “แทบจะ” ก็เพราะหากจะมีที่ใดที่ติได้ก็คงจะเป็นรอยบาก หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า notch บริเวณขอบด้านบนที่เว้าแหว่งลงมากัดกินพื้นที่จอไปเล็กน้อย เป็นที่ขวางหูขวางตาของหลายๆ คนที่ได้เห็น

แอปเปิลบอกว่ารอยบากเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เนื่องจากเป็นที่อยู่ของเทคโนโลยีนานาชนิด ทั้งกล้องอินฟราเรด ฝลัดอิลูมิเนเตอร์ พร็อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์แสง ลำโพง ไมโครโฟน กล้องหน้า และด็อต โปรเจ็กเตอร์

ทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์อย่าง Face ID ที่ปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้า ถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ และใช้งาน Animoji หรืออีโมจิที่ถอดแบบการแสดงออกทางสีหน้าของเราได้

ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรเสีย รอยบากของ iPhone X จึงมีที่มาที่ไปและเหตุผลของการมีอยู่

ซึ่งส่วนตัวแล้ว ซู่ชิงเชื่อว่าจริงๆ แอปเปิลไม่เลิฟมันสักเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้าเลือกได้เขาคงอยากได้หน้าจอเต็มๆ มากกว่า

 

นับตั้งแต่เดือนกันยายนลากยาวไปจนถึงสิ้นปีของปีที่แล้ว รอยบากของ iPhone X ได้กลายเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงอภิปรายกันนับครั้งไม่ถ้วน

แต่ละคนไม่ลังเลที่จะแสดงออกถึงความเกลียดชังดีไซน์ที่ไม่คุ้นตาครั้งนี้ และค่อนข้างแปลกใจที่แอปเปิลยอมแลกฟังก์ชั่นมาด้วยดีไซน์ที่ไม่เพอร์เฟ็กต์

เว็บไซต์และนักวาดการ์ตูนทั้งหลายก็ไม่รอช้าที่จะหยิบรอยบากมาทำเป็นมีมล้อเลียนกันอย่างสนุกมือ

ดังนั้น หากจะพูดว่ารอยบากของ iPhone X เป็นสิ่งที่คนรักที่จะเกลียดก็คงจะไม่แปลกอะไร

ทว่า มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิคะ ทำไปทำมา ผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน จู่ๆ รอยบากที่เคยถูกล้อเลียนชนิดที่ถ้าเป็นเด็กก็คงเก็บไปเป็นปมด้อยตอนโตแล้ว กลับกลายมาเป็นอัตลักษณ์ที่ใครๆ ก็อยากเลียนแบบไปเสียได้

วาร์ปมามีนาคม 2018 หลังงาน Mobile World Congress ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่บาร์เซโลนาในสเปน

เราได้เห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ค่ายมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จำนวนไม่น้อยแห่กันลอกเลียนแบบดีไซน์ของ iPhone X ชนิดที่หยิบรอยบากมาแปะใส่โทรศัพท์ของตัวเองดื้อๆ

ราวกับว่านี่เป็นดีไซน์พื้นฐานที่มีมาเนิ่นนานพอๆ กับการที่จอโทรศัพท์จะต้องเป็นสี่เหลี่ยมยังไงยังงั้น

 

ค่ายแรกที่สร้างเสียงฮือฮาปนเสียงหึหึในลำคอ คือโทรศัพท์ Leegoo จากประเทศจีน

ค่ายนี้ต้องยกนิ้วให้ในเรื่องของความมั่นใจเลยค่ะ เพราะเปิดตัวโทรศัพท์ออกมาหน้าตาเหมือน iPhone X เป๊ะๆ มีรอยบากอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ไร้ปุ่มโฮมเหมือนกัน ดูผิวเผินก็นึกว่าน่าจะต้องเป็น iPhone X แน่ๆ

แถมยังไปสุดทางกว่านั้นด้วยการตั้งชื่อว่า Leegoo S9 Pro แหม จะก๊อบทั้งที ยกมาแค่ค่ายเดียวก็ดูจะหน่อมแน้มไป อย่ากระนั้นเลย เอาดีไซน์ของแอปเปิลมาแล้ว ก็เกี่ยวชื่อ S9 ของซัมซุงมาใช้ไปพร้อมๆ กัน ตอบโจทย์ทั้งคนรักแอปเปิลและซัมซุงที่อยากมีส่วนผสมของทั้งสองแบรนด์มารวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง

ถ้า Leegoo ซึ่งเป็นค่ายมือถือที่ไม่ได้บิ๊กเนมอะไรจะลอกดีไซน์ของ iPhone X อยู่คนเดียวก็คงจะไม่ได้เรียกว่าปรากฏการณ์อะไร

แต่เรื่องมันมาถึงจุดพีกตรงที่แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเป็นแบรนด์มือถือที่สั่งสมชื่อเสียงมายาวนานและได้รับความเคารพเชื่อถือจากผู้ใช้งานทั่วโลกก็เอากับเขาด้วยนี่น่ะสิ

เช้าวันที่สองของการจัดงาน MWC ซู่ชิงนอนเล่นมือถือเช็กข่าวคราวจากในงานอยู่บนเตียง เมื่อมาสะดุดเข้ากับข่าวเอซุสเปิดตัว Zenfone รุ่นใหม่ก็มีอันต้องขยี้ตาเพราะนึกว่าตัวเองตาฝาดหรือยังตื่นไม่เต็มตา

ขยี้ก็แล้ว ภาพเดิมก็ไม่หายไปไหน ก็นึกมั่นใจว่าอ๋อ สงสัยบรรณาธิการคงเลือกภาพผิด เอาภาพ iPhone X มาใช้กับโทรศัพท์รุ่นใหม่ของเอซุสโดยไม่ได้ตั้งใจ

อ่านไปอ่านมา ไม่ใช่นี่นา! นี่มัน Zenfone 5 โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เอซุสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หน้าตาเหมือน iPhone X แทบจะไม่ผิดเพี้ยน

ครั้นจะบอกว่าเหมือนกันเป๊ะๆ ก็คงจะไม่ตรงกับความเป็นจริงเสียทีเดียว เพราะงานนี้ผู้บริหารเอซุสขึ้นไปยืนบนเวที แล้วประกาศโต้งๆ เลยว่า ใช่ โทรศัพท์ของเรามีรอยบากเหมือน “โทรศัพท์ผลไม้ X”

แต่รอยบากของเราเล็กกว่าถึง 26 เปอร์เซ็นต์เชียวนะ แถมราคาถูกกว่าตั้งเยอะ

แหม ไหนๆ ก็ก๊อบปี้เขามาเสียขนาดนี้แล้ว ก็ให้เกียรติเรียกชื่อแบรนด์เขาไปเต็มๆ เลยเถอะค่ะ จะมาผลม้ง ผลไม้ X อะไรกัน

 

เทรนด์การเลียนแบบรอยบากไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะดูเหมือนกับว่าแบรนด์มือถือใหญ่ๆ อีกสองสามแบรนด์ ก็กำลังจะตามเทรนด์นี้ไปเหมือนกัน เห็นได้จากภาพหลุดที่สื่อเทคโนโลยีต่างชาติออกตัวยืนยันว่าเป็นภาพที่เชื่อถือได้แน่นอน

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณกำลังคิดว่าจะอะไรกันมากมายเนี่ย ก็ของมันจำเป็นต้องมี แอปเปิลเริ่มก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะหยิบเทคโนโลยีแบบเดียวกันนี้มาใช้ไม่ได้นี่นา

ก็จริงอยู่ค่ะ เว้นเสียแต่ว่า สิ่งที่แบรนด์อื่นหยิบมานั้น ไม่ใช่ “เทคโนโลยี” แต่เป็น หน้ากากล้วนๆ ก็เลยทำให้เรื่องทั้งหมดนี้น่าสนใจขึ้นมา

การมีอยู่ของรอยบากในโทรศัพท์มือถือของค่ายอื่นๆ ไม่ได้มีที่มาที่ไปหรือความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ใส่เทคโนโลยีอะไรมาให้นอกเหนือไปจากกล้องหน้าที่มีอยู่เดิมอยู่แล้ว

จึงแปลว่าทุกคนจงใจเอาดีไซน์รอยบากมาใช้เพื่อให้เหมือน iPhone X โดยเฉพาะ

 

เพราะอะไรแบรนด์ระบบแอนดรอยด์จึงรู้สึกว่าจะต้องลอกแบบดีไซน์กันถึงขนาดนี้? ตอนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารของเอซุสอาจจะเป็นคำตอบให้เราได้ เขาบอกว่า “บางคนอาจจะพูดว่านี่คือการก๊อบปี้แอปเปิล แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเราหนีสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการไม่ได้ เราจำเป็นต้องตามเทรนด์”

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดรอยบากของ iPhone X แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือมันได้กลายเป็นเทรนด์ของหน้าจอโทรศัพท์มือถือในรูปแบบใหม่ไปเสียแล้ว ประกอบกับการตั้งราคาขายที่แพงลิบลิ่ว รอยบากเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่านี่คือสิ่งที่จะสามารถแสดงสถานะได้อย่างชัดเจนที่สุด แบรนด์แอปเปิลก็ว่าพรีเมียมแล้ว การมีผลิตภัณฑ์แบรนด์แอปเปิลที่มีรอยบากและไร้ปุ่มโฮมยิ่งเป็นพรีเมียมของพรีเมียมขึ้นไปอีก!

ทำไปทำมาก็เลยพอจะเข้าใจแบรนด์ที่เลือกเดินวิถีแห่งรอยบากมากขึ้น อย่างน้อยๆ นี่คือดีไซน์ที่ผู้บริโภคเริ่มยอมรับและผูกมันเข้ากับความพรีเมียมเรียบร้อยแล้ว มันจึงน่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยที่จะเดินตาม

ก็เลยต้องยกเครดิตให้กับแบรนด์ที่ยังยืนหยัดอยู่กับดีไซน์ของตัวเองอย่างเหนียวแน่น

อย่างซัมซุงที่ช่วงหลังๆ มานี้ฉีกแนวออกมาจนสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองได้สำเร็จ

และโนเกีย (ภายใต้การนำของ HMD Global) ที่คงดีไซน์สวยงามตามเอกลักษณ์ของโนเกียไว้ได้โดยไม่เถลไถลออกนอกเส้นทาง ทำให้เป็นโทรศัพท์ที่จะตกหลุมรักได้ไม่ยากทันทีที่ได้จับถือไว้ในมือ

Being Yourself การเป็นตัวของตัวเอง จึงใช้ได้ดีเสมอกับทั้งคนและสิ่งของค่ะ