เผยแพร่ |
---|
โดย ปรัชญา นงนุช
“เรตติ้งแรง ไม่มีอะไร เราก็อยู่ของเรา เราตั้งใจทำให้ชาวบ้าน ชื่อชาวบ้านตั้งเอง เขาเรียกชื่อพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย เราบอกจะใช้ชื่ออะไรก็แล้วแต่ ชาวบ้านเลยใช้ชื่อ’แม่’เพราะจำง่ายดี และตนไม่เครียด”นางผ่องพรรณ กล่าว
แม้’บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ไม่อยู่ไทย ไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาติ สมัยสามัญ ที่สหรัฐอเมริกา18-25ก.ย.นี้ ต้องสายตรงถึง’บิ๊กติ๊ก’พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย หลังมีกระเเสโจมตีกับ ‘คุณอู๊ด’นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา ในฐานะนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำรักปลัดกระทรวงกลาโหม
หลังมีการโจมตีตั้งฝาย’แม่ผ่องพรรณพัฒนา’ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่ถูกถามถึงการใช้งบประมาณ ภาพถ่ายการร่วมงานทั้ง’บิ๊กติ๊ก-คุณอู๊ด’ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม การปูพรม การตั้งแท่นรับความเคารพ การจัดพานมอบดอกไม้ การจัดเครื่องบินลำเลียงC-130 เก้าอี้ที่หรูหรา
ทำให้สังคมจับตาถูกมองเรื่องของการ ‘วางตัว’
กลุ่มต้านคสช. ใช้โอกาสในการโจมตีทันที ผ่านโซเชียลมิเดีย เพราะเป็นคนในครอบครัว ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์
มาพร้อมห้วงเวลานายกฯเยือนสหรัฐฯ ต้องสายตรงกลับมายังไทยมาหา’น้องติ๊ก’ว่าเป็นห่วงและขอให้ระวังตัว จนนำมาสู่กระเเสสั่งห้ามตอบโต้ ให้นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว เกรงเรื่องจะบานปลาย
แต่ดูเหมือนมหกรรมขุดคุ้ยยังไม่จบ กลับไปถึงเรื่อง ‘บิ๊กติ๊ก’ ลงนามบรรจุลูกชาย ‘น้องป้อง’นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับราชการในตำแหน่งรักษาราชการนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่3 อัตราพลตรี รับเงินเดือน ระดับ น.1 ชั้น 18 และแต่งตั้งยศเป็นว่าที่ร้อยตรี เหล่าสารบรรณ หลังมีการเผยแพร่เอกสาร’ลับ’ออกมา
ถึงถูกตั้งคำถามถึงด้าน ‘จริยธรรม’ ขึ้น
หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายนายปฏิพัทธ์ สวมชุดทหารยืนคู่พล.อ.ปรีชาอีกครั้ง ในเพจกลุ่มต่อต้านคสช. ทำให้มีการมองว่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น มาจาก’ทหารแตงโม’หรือกลุ่มที่เสียประโยชน์
และการขุดเรื่องในอดีต กรณีสำนักข่าวอิศราเปิดเผยถึงยอดเงินไหลเข้า-ออก นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภรรยา ในบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ภาคที่3 ว่า ตนเอาเงินหลวงไปอีกด้วย
“สหกรณ์ออมทรัพย์กองทัพภาคที่3 ถือเป็นสหกรณ์การเงินแห่งหนึ่ง ก็เป็นเรื่องเก่าที่นำกลับขึ้นมา”พล.อ.ปรีชา กล่าว
เรียกได้ว่ามีคนรอรุมอยู่ตลอด ด้วย’บิ๊กติ๊ก’ยืนยันด้วย เพราะนามสกุล ‘จันทร์โอชา’
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหา เชื่อว่าสามารถชี้แจงป.ป.ช.ได้”พล.อ.ปรีชา กล่าว
และขุดไปถึงกรณีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของบุตรชายที่กำลังดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่กองทัพภาคที่3 รวม 2 โครงการ 26 ล้านบาท ช่วงปี2558-2559 พล.อ.ปรีชา ยืนยัน ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ
โดยถูกสังคมตั้งคำถามว่าเป็นเรื่อง’ผลประโยชน์ทับซ้อน’หรือไม่
“อย่าไปยุ่งกับลูกชายเลย บริษัทนี้ลูกชายดำเนินการเอง ผมไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะย้ายมาดำรงตำแหน่งปลัดกลาโหมแล้ว ลูกชายของตนตั้งบริษัทมา 5ปี” พล.อ.ปรีชา กล่าว
เรียกได้ว่าโดนทั้งครอบครัว และกระทบถึง’บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ แต่ความเป็นพี่เป็นน้องก็ต้องมีการสายตรงถึงกันทางลับ แต่ในทางแจ้ง คงเป็นคำถามร้อนให้นายกฯต้องชี้แจงหลังกลับจากสหรัฐฯ
ล่าสุด ‘บิ๊กติ๊ก’ ชี้แจงกรณีการจัดสร้างฝายโดยศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร ศูนย์อุสาหกรรมป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ที่จัดทำในรูปแบบอาสาสมัคร(CSR) หลังสำรวจความต้องการของชาวบ้าน ทางสมาคมญก๋เข้าไปช่วยและสนับสนุนเงินบางส่วน คือ การจัดซื้อหิน 7,800 บาท ส่วนชาวบ้านซื้อไม้ไผ่มาร่วมลงแรงและชาวบ้านตั้งชื่อเอง
และได้ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่ากระทรวงการกลาโหม โดยในพิธีได้มีการผูกผ้าสามสีและคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณ 40 กระบอก จึงถูกมองว่าทำเพื่อแก้เคล็ดกับสิ่งที่เปชิญ
พล.อ.ปรีชา ย้ำว่า การเอาฝาปิดกระบอกปืนใหญ่ไม่ใช่แก้เคล็ดสิ่งที่ตนเผชิญตอนนี้ พิธีนี้จัดตามแผนงานที่มีมานานแล้ว เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษไปอยู่ในกระบอกปืนใหญ่ โดยต่างประเทศก็ทำแบบนี้ เป็นเรื่องการรักษาความปลอดภัย
ส่วนภาพถ่ายที่มีการจัดเครื่องบินลำเลียง C-130ให้คณะของนางผ่องพรรณ ทางกองทัพอากาศก็ได้ชี้แจง ได้หนังสือจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขอสนับสนุนเครื่องบินรับส่งคณะ ไม่ได้ระบุว่าเป็นสมาคมภริยาข้าราชการสำนักปลัดกลาโหมหรือพลเรือน ซึ่งตามหลักการ หน่วยราชการขอมา ทางกองทัพอากาศก็สนับสนุนให้ จึงยึดตามหนังสือที่ส่งมา
แต่ยังคงมีหลายสิ่งรอคอยคำตอบที่ชัดเจน ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด สิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ทำให้คำชี้แจงจากนายกฯคือสิ่งที่ทุกคนรอคอย เพราะเป็นทั้งคนในครอบครัวและคนใต้บังคับบัญชาในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับราชการ เพราะจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตและเป้าโจมตีอันใหม่
แม้’บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร จะยืนยันแล้วว่า ทั้งสองคนไม่ได้มีนิสัยใจคอมักใหญ่ใฝ่สูง และมองว่าถ้าไม่ได้เป็นน้องนายกฯคงไม่เป็นข่าว เพราะมีคนจับจ้องอยู่
“ท่านไม่มีเจตนาโซเชียลมิเดียว่าเกินไป และทั้งสองท่านไม่ได้มีนิสัยใจคอมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องดูเจตนาว่าไม่ได้ไปสร้างความเสียหาย คนเป็นถึงปลัดกระทรวง”พล.อ.ประวิตร กล่าว
ก็ต้องให้เวลาและกระบวนการตรวจสอบต่างๆพิสูจน์ความจริงทั้งหมด แต่กรณีการโจมตีที่ถี่ยิบนี้ การขุดข้อมูลและภาพเชิงลึกได้ การเผยแพร่ภาพในเพจต่างๆ
กระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้ หลายฝ่ายชี้ไปถึงการมี’ทหารแตงโม’ในกองทัพอยู่ และ เรื่องการขัดแย้งภายในได้เช่นกัน
การจ้องโจมตี’บิ๊กติ๊ก-คุณอู๊ด’ จึงเป็นปรากฏการณ์ยิงปืนนัดเดียวได้นกยกรั้ง มากกว่า 2 ตัว หวังดิสเครดิตคสช.ไปด้วยในตัว
สิ่งที่เกิด จึงมากกว่าที่เราเห็น !!