ครูปรีชาหัวเสียจวกสื่อแพร่ข่าวหมวดจรูญเจ้าของลอตเตอรี่

ความคืบหน้ากรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ทางกองปราบปรามเปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ จนได้ข้อสรุปว่า ลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 น่าจะเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อายุ 62 ปี อดีตข้าราชเกษียณตำรวจ เนื่องจากมีพยานหลักฐานสนับสนุนจำนวนมากนั้น

ล่าสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 07.30 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพัก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี คู่กรณีที่มีการโต้แย้งกรรมสิทธิสลากฯ ดังกล่าว ที่บ้านพักเลขที่ 143/22 ทุ่งนา ซ.5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบถามถึงกระแสข่าวดังกล่าว จากนั้นในเวลาประมาณ 08.20 น. ครูปรีชา เดินออกมาจากภายในบ้าน ด้วยการใส่สูตรสีดำ จากนั้นได้เดินไปเปิดประตูรถกระบะพร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยระหว่างที่ ครูปรีชา เดินมาเปิดประตูบ้านเพื่อขับรถไปโรงเรียน ได้สังเกตเห็นสีหน้าของ ครูปรีชา ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกวัน แต่มีอาการหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง ครูปรีชา แจ้งว่าไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ในตอนนี้ เพราะจะต้องรีบไปโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสข่างดังกล่าว โดย ครูปรีชา กล่าวว่า จากการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวออกไป เป็นเพียงกระแสข่าวของผู้สื่อข่าว ซึ่งทางตำรวจออกมายืนยันแล้วว่ายังไม่ได้แถลงผลสรุปคดีดังกล่าว เป็นเพียงผู้สื่อข่าวนำไปเขียนกันเอง แสดงให้เห็นว่า ผู้สื่อข่าวไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งแท้จริงควรจะต้องรอฟังการแถลงข่าวจากทางตำรวจก่อน จึงจะนำข่าวไปเผยแพร่

“ตอนนี้ไม่ได้รูสึกวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะต้องรอให้ผลสรุปของทางตำรวจออกมาก่อน ซึ่งในส่วนของคดีได้มีการพูดคุยปรึกษากับทนายความทุกวัน ส่วน นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ้บ้าบิ่น ไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะของเราคือของจริง ฉะนั้นก็พูดไปตามความจริง”ครูปรีชากล่าว

เมื่อพูดจบครูปรีชาก็ได้ถอยรถออกจากบ้านทันทีเพราะต้องรีบไปโรงเรียน พร้อมกับบอกสื่อมวลชนว่า ขอให้ไปเจอกันที่โรงเรียน และก่อนที่ครูปรีชาจะขับรถยนต์ออกไป ได้ตอบคำถามทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ทางกองปราบยังไม่ได้ติดต่อมาหาตน และขอให้สื่อมวลชนใจเย็นๆ เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำงานอยู่ ส่วนเรื่องทนายความของตนก็พร้อมที่จะไปขึ้นศาลอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพร้อมบันทึกภาพ ครูปรีชา ได้พูดบ่นว่าเริ่มรู้สึกเบื่อนักข่าวแล้ว เพราะเขียวข่าวทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเป็นการมอมเมาประชาชน