รายงานพิเศษ/Mark Zuckerberg ปรับแสดงผลฟีดใหม่ สูญทรัพย์สินถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

Mark Zuckerberg  ปรับแสดงผลฟีดใหม่

สูญทรัพย์สินถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์

ทันทีที่เฟซบุ๊กประกาศปรับการแสดงนิวส์ฟีดใหม่ครั้งใหญ่ ที่จะส่งผลทำให้หน้าเพจของเพื่อนและญาติพี่น้องของเจ้าของเฟซบุ๊ก แสดงผลบนหน้านิวส์ฟีดของเฟซบุ๊กของผู้ใช้ มากกว่าหน้าเพจที่มีเนื้อหาการโฆษณาจากบรรดาสื่อและผู้ประกอบการธุรกิจ ส่งผลผู้ใช้งานจากเพจ ที่กดไลก์จะเห็นน้อยลง เช่น ธุรกิจแบรนด์สินค้า และสื่อต่างๆ

ซึ่งการปรับนิวส์ฟีดดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก

โดยหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลงไป 4.74% ปิดที่ 179.37 ดอลลาร์ต่อหุ้น

มีการประเมินว่า ต้นทุนที่ต้องเสียไปจากการตัดสินใจครั้งนี้กำลังมีต้นทุนมหาศาล เบื้องต้นคือ ทรัพย์สินของ Zuckerberg ที่ลดลงกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะมูลค่าหุ้น Facebook ที่ตกลง

ทิศทางของ Facebook ในปี 2018 นั้น เป้าหมายของ Zuckerberg ที่อ้างไว้ คือการทำให้ Facebook เป็นพื้นที่ที่ใช้เวลาได้อย่างมีค่า

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊กซึ่งถือเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้พยายามปรับอัลกอริธึ่มของการทำงานของเฟซบุ๊กให้ผู้คนเข้ามาอยู่บนเฟซบุ๊กให้มากที่สุด ด้วยการให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นบนหน้าโพสต์ต่างๆ และยังมีการปรับปุ่มกด “ไลก์” ให้มีมากกว่าปุ่มไลก์ แต่ยังมีปุ่มแสดงความรู้สึกอื่นๆ ด้วย

“เราสร้าง facebook เพื่อช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกันและทำให้เราใกล้ชิดกับผู้คนที่สำคัญกับเรามากขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเรามักจะทำให้เพื่อนและครอบครัวอยู่ในใจกลางของประสบการณ์ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเสริมสร้างความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นและมีความสุข” Mark Zuckerberg อ้าง

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อเราใช้สื่อสังคมเพื่อเชื่อมต่อกับคนที่เราแคร์มันอาจจะดีสำหรับการที่ดีของเรา เรารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อและเหงาน้อยลง และที่เกี่ยวข้องกับมาตรการระยะยาวของความสุขและสุขภาพ ในทางตรงกันข้ามการอ่านบทความหรือการดูวิดีโอ — แม้ว่าพวกเขาจะบันเทิงหรือให้ข้อมูล — อาจจะไม่ดี

สิ่งที่ Mark Zuckerberg กล่าวทิ้งท้ายไว้คือ “ผมหวังว่าเวลาที่คุณใช้บน facebook จะมีค่ามากกว่านี้”

“ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้องผมเชื่อว่ามันจะดีสำหรับชุมชนของเราและธุรกิจของเราในระยะยาว”

สาเหตุที่ Mark Zuckerberg อ้างในการตัดสินใจในครั้งนี้คือ เขาได้คำนึงถึงลูกสาวทั้งสองคน ที่จะเติบโตในวันข้างหน้า จะจดจำพ่อที่ได้สร้างสรรค์สิ่งดีงามไว้ให้กับสังคม เน้นถึงความสำคัญสถาบันครอบครัว และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน มากกว่าเชิงธุรกิจและรายได้มหาศาล

จริงหรือไม่ นั่นเป็นคำถาม แต่ก็ได้ส่งผลสะเทือนโลกโซเชียลไปทั่วแล้ว