E-DUANG : แล้ว “สถานการณ์” ก็ “บานปลาย”

สถานการณ์จากที่เกิดความขัดแย้ง แตกแยก ก่อนรัฐประหารเมื่อ เดือนกันยายน 2549

ระหว่าง “เอา” ทักษิณ กับ “ไม่เอา”ทักษิณ

และระหว่าง “เอา”ยิ่งลักษณ์ กับ “ไม่เอา”ยิ่งลักษณ์ ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

ได้เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อมีการก่อรูปขึ้นของ “เอา”ประวิตร กับ “ไม่เอา”ประวิตรจากกรณีนาฬิกาหรู

แล้วค่อยๆพัฒนา เติบใหญ่ และบานปลาย

ทำท่าว่าอาจจะลามไปถึงระดับ “เอา”ประยุทธ์ กับ “ไม่เอา”ประยุทธ์ มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

หากคสช.บริหารจัดการ”ความเสี่ยง”ได้ไม่เรียบร้อย

 

ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ส่งเสียง

เตือนนิ่ม-นิ่ม”

“ตู่ใช้กองหนุนแทบไม่เหลือแล้ว”

เป็นการเตือนในวันที่ 28 ธันวาคม ต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่อหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ณ บ้านสี่เสา เทเวศร์

เตือนด้วยความห่วงหา อาทร

เพราะว่าขณะนั้น “นาฬิกา”หรูที่เผยออกมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม ได้ทะลุไปถึงหลัก 10 กว่าเรือนแล้ว

โดยที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้แต่แบะ แบะ

โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตือนสื่อให้รู้จัก”ลดรา วา ศอก” และเห็นว่าเป็น”เรื่องส่วนตัว”

มีหรือที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะไม่รู้

 

แล้วจากเรื่อง”นาฬิกา”หรูก็ขยายไปยังเรื่อง “โรดแมป”การเลือกตั้งพลันที่มีการแก้ไขร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในชั้นกรรมาธิ การและผ่านสนช.ฉลุย

จาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ลามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เกิดการชุมนุมเรียกร้อง”การเลือกตั้ง”

สะท้อนฝ่ายที่ต้องการการเลือกตั้ง สะท้อนฝ่ายที่ไม่ต้องการ การเลือกตั้ง

กลายเป็น”เอา”ประยุทธ์ กลายเป็น”ไม่เอา”ประยุทธ์”

และอาจกลายเป็น”เอา”คสช. กลายเป็น”ไม่เอา”คสช.”ได้