กาละแมร์ พัชรศรี : ความเป็นไปได้ในชีวิต

เราเคยตั้งข้อสังเกตหรือนั่งคิดไหมว่า ทำไมเราถึงทำงานแบบนี้ และทำไมคนอื่นถึงทำงานแบบนั้น หรือจากที่เราไม่เคยทำ วันหนึ่งทำไมเราถึงลุกขึ้นมาทำมันขึ้นมาซะอย่างนั้น

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เรื่องนี้จากตัวเองและคนรอบข้างคือ

เมื่อเราได้ยินคำพูดจากคนบางคน อ่าน ฟัง สิ่งนั้นจะถูกบันทึกเข้าไปในสมองและจิตสำนึกของเรา และถ้าเรื่องนั้นมันเข้มข้น เราจะยึดถือมัน ตอกย้ำลงไปในสมอง จิตใจ และนำไปสู่นิสัย การกระทำ เป้าหมายชีวิตต่อไป

เมื่อก่อนฉันได้ยินคำพูดของดาราตลกรุ่นพี่ที่รักและเคารพ เคยพูดว่า เราเกิดมาเพื่อทำอะไรอย่างเดียว

ฉันก็คิดว่าเราเกิดมาเพื่อเป็นพิธีกรเท่านั้น พูดเพื่อเป็นพิธีกรเท่านั้น

พอใครมาบอกให้ลองทำนั่นทำนี่สิ เป็นเจ้าของอะไรไหม หรือคิดทำผลิตภัณฑ์อะไรของตัวเอง ยังไม่ทันจบประโยค ฉันก็ส่ายหัวดิกทันที พร้อมบอกไปว่า “ไม่รู้จะทำอะไร” และในหัวนั้นก็ว่างเปล่า คนอย่างเราจะมีผลิตภัณฑ์อะไรเป็นของตัวเอง จะขายอะไรเป็น

แต่พอเราได้ยินบ่อยครั้งเข้าว่าเราน่าจะมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง

และพอเราได้นำพาตัวเองไปใกล้ชิดกับคนที่เป็นนักธุรกิจ ได้ฟังเรื่องราวของเขา ได้รู้วิธีการ มันก็จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่เราเคยคิด และยิ่งมีคนให้กำลังใจ เราก็จะมองเห็นถึง “ความเป็นไปได้” มากขึ้น

และสิ่งที่ทำก็เกิดจากพื้นฐานที่เราชอบ รัก ถนัด หลงใหล มีความสุขที่จะทำ

เพียงแต่เราไม่เคยคิดจะลงมือทำมันอย่างจริงจัง เพราะไม่เคยมองถึงความเป็นไปได้เลย

แต่พอมีการจุดประกาย เพียงแค่หนึ่งประโยค เรื่องที่เราไม่เคยคิดมันก็ถูกจุดติดขึ้นมา

อย่างของฉันคือ “น้องแมร์ก็ทำขายเล่นๆ ก่อนสิคะ”

 

ในตลอดระยะเวลาทั้งเดือนที่ผ่านมา คุณผู้อ่านก็คงจะรับรู้แต่เรื่อง PowerBalls by Kalamare อยู่เนืองๆ เพราะเอาจริงๆ ฉันหายใจเข้าออกเป็นมัน

ก่อนนอนก็คิดเป็นเรื่องสุดท้าย ลืมตาตื่นมาก็คิดเป็นเรื่องแรก ไม่ได้เครียด แต่มันสนุก

สิ่งหนึ่งที่จะตอกย้ำ “ความเป็นไปได้” ของเราก็คือ ผลตอบรับจากสิ่งที่เราทำ

ในบางวันฉันนั่งตอบไลน์ลูกค้าเอง โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าคือฉัน ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับคนที่เขาชอบสิ่งที่เราทำ ยิ่งเขาบอกว่าชอบมันแค่ไหน อร่อยยังไง กินตอนไหน ให้คนที่บ้านกิน สั่งไปเยอะๆ เพราะไม่อยากต่อคิว ทำให้เขาเลิกกินขนมหวานพังๆ ให้เขามีกำลังก่อนออกกำลังกาย กินแทนมื้อเช้าตอนเร่งรีบ

สิ่งเหล่านี้มีค่ากว่าเงินทองนัก เพราะมันทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำมันมีคุณค่าต่อคนอื่น ยิ่งทำให้ฉันตระหนักและใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น

ในความเป็นไปได้นี้ ก็เหมือนกับเราทำงานบริษัทแล้วเจ้านายบอกว่า เป้าหมายของปีนี้คือเท่าไหร่ ทำให้ทุกคนมองไปที่จุดเดียวกันและพยายามทำให้มันเกิดขึ้น และคิดว่ามันไม่ได้ไกลเกินเอื้อม เพราะเราได้ยินตัวเลขนี้ซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่ในหัว

เช่นกันถ้าไม่ใช่ตัวเลขของบริษัท มาลองคิดถึงตัวเลขของตัวเองบ้างสิ

 

สมมติว่าพอมีคนมาบอก ปีนี้น่าจะได้ 50 ล้านนะ คำพูดนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว มันมีแล้วเราจะบันทึกมันในหัวและย้ำคิดเสมอๆ ว่าปีนี้เราจะได้ มันคือการสร้างเป้าหมาย ย้ำโฟกัส อะไรที่เป็นเรื่องลบ บ้าบอเราจะไม่คิดถึง เพราะมีเรื่องทำมาหากินรออยู่ เพราะถ้าเรามัวแต่หดหู่เศร้าหมอง จะเป็นไปได้เหรอคนอย่างเรา จะทำได้เหรอ จะดีเหรอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำพูดเหล่านี้มันเกิดขึ้นจากพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วย ไม่ใช่พูดลอยๆ

หรือเวลาที่เราไปดูหมอดู พอเขาทำนายเรื่องดีๆ เราก็จดจำบันทึกไว้ในสมอง ปีนี้จะเจอเนื้อคู่ เราก็คอยมองหา สแกนซ้ายขวา บนลงล่าง ทุกคนที่เดินผ่านเรา

ถ้าเขาบอกปีนี้เราจะรวยมาก เราก็มีกำลังใจ พอใจมันฟูจะหยิบจับอะไรมันก็ถูกที่ถูกทาง ถูกจังหวะ มีปัญหาก็แก้ได้โชะๆๆ ไม่จมจ่อมงอแง

แต่ถ้าเขาทักเราแย่ จะเกิดอุบัติเหตุ จะโดนโกง ให้มองว่าเป็นการเตือนเพื่อให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้น มีสติ ไม่ประมาท แต่ไม่ใช่จิตตก คิดๆๆๆ อยู่นั่นแหละว่าจะเกิดๆ เดี๋ยวมันก็เกิดจนได้

พยายามใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มองโลกในแง่บวก คนที่มีกำลังใจ เพราะเขาจะมองเห็นแง่มุมดีๆ ในตัวเราได้เสมอ และบอกถึงความเป็นไปได้ในชีวิตของเรา

ถ้าเราเลือกอยู่กับคนคิดลบ อันนี้ก็ไม่ได้ คนนั้นก็ไม่ได้ อย่าทำเลยเดี๋ยวมันจะอย่างนั้นอย่างนี้ ชีวิตนี้ก็ย่ำอยู่กับที่ วนอยู่ในอ่าง และมาเจ็บใจภายหลัง ไม่ก็เสียดายที่ก่อนตายทำไมไม่ลงมือทำ

คำพูดบางประโยค อาจแค่ประโยคเดียวเท่านั้น คอยฟังมันให้ดี เพราะมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตคุณ…