รับมือ ฝ่ายตรงข้าม รับมือ ฝ่ายเดียวกัน การบ้าน รัฐบาล

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

หนึ่ง คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณกลางปี 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ 1 แสนล้านบาท และเงินจากการเก็บภาษีอีก 5 หมื่นล้านบาท

เงินจำนวนนี้รัฐบาลระบุว่า นำไปใช้ปลุกเศรษฐกิจ “ฐานราก” 

ทั้งการเกษตร ทั้งกองทุนหมู่บ้าน และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับชาวบ้าน

หนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้จน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน

รองนายกรัฐมนตรีทุกคนเป็นรองประธาน และรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเป็นกรรมการ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือวิธีการดำเนินงานที่ต้องการขับเคลื่อนงาน “แก้จน” และ “ลดเหลื่อมล้ำ”

วิธีการดังกล่าวจะทำงานผ่านทีมงาน 7,463 ทีมงาน

จัดตั้งตามจำนวนตำบล และเทศบาล

เท่ากับว่าขณะนี้รัฐบาลมีเงินใหม่สำหรับโครงการใหม่ 1.5 แสนล้านบาท

เท่ากับว่ารัฐบาลมี “เอเยนต์” ที่จะใช้งบประมาณต่างๆ ในพื้นที่ทั่วประเทศ

ทุกตำบล ทุกเทศบาล จะมีคนของรัฐบาลดำรงอยู่

เมื่อผนวกกับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ชักชวนคณะรัฐมนตรีไปเยี่ยมราษฎรที่ จ.แม่ฮ่องสอน

โปรยคำหวาน แจกที่ทำกิน ปล่อยมุขตลก

ทุกการกระทำมีพฤติกรรมเข้าใกล้ความเป็นนักการเมืองเข้าไปทุกที

นั่นคือการหาเสียงกับชาวบ้าน

เพื่อปูทางสู่ความสำเร็จทางการเมือง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยอมเปิดปากพูดเรื่องนาฬิกา

ชี้แจงว่า นาฬิกาที่เพื่อนให้มาใส่ และได้ส่งคืนเพื่อนไปหมดแล้ว

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีความมั่นใจ

มั่นใจถึงขนาดประกาศว่า ถ้า ป.ป.ช.พบว่าผิด ก็ยินดีลาออก

เป็นสัญญาณที่ส่งออกมาให้กับกลุ่มที่ติดตามจับจ้อง

กลุ่มที่ไม่เป็นมิตรกับ พล.อ.ประวิตรมาตั้งแต่ต้น

ไม่ทราบว่ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยมีข่าวมาก่อนหน้าหรือไม่

ข่าวก่อนหน้าที่ว่า มีขบวนการจ้องทำลาย พล.อ.ประวิตร

ข่าวเป็นจริงหรือเท็จต้องพิสูจน์

ขณะเดียวกัน ฟากฝั่งของ กรธ. และ สนช. มีความเคลื่อนไหว

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. แนะนำให้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ดำเนินการเคลียร์กรณีไม่รีเซต ป.ป.ช.

ต่อมา สนช. 25 คน ลงชื่อผลักดันมีการตีความประเด็นดังกล่าว

และหากย้อนกลับไปดูมติ สนช. ในเรื่องนี้

พบว่า มี สนช.หลายสิบคนที่ไม่ได้สนับสนุนเรื่อง “ไม่รีเซต” 

จำนวน สนช.ที่ไม่เห็นด้วย ย่อมสะท้อน “รอยร้าว” ทางความคิด

เพราะก่อนหน้านี้ สนช.โหวตแบบครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้กลับมี “โหวต สวน” และ “ไม่โหวต”

ทั้งเรื่องนาฬิกา และเรื่อง “ไม่รีเซต” สะท้อนให้เห็นปัญหาที่รัฐบาลต้องรับมือ

รับมือฝ่ายตรงข้าม รับมือฝ่ายเดียวกัน

บางทีคำเตือนของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อช่วงปีใหม่อาจจะคือความจริงที่กำลังเกิดขึ้น

นั่นคือ “กองหนุน” รัฐบาลเริ่มร่อยหรอ

รัฐบาลจึงยิ่งต้องระวังตัว