ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 ธันวาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
กัมพูชาเป็นประเทศน่าสนใจและสำคัญของภูมิภาคอาเซียนนี้เสมอมา
กัมพูชาเคยปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ถูกยึดครองด้วยประเทศเจ้าอาณานิคม
เปลี่ยนเป็นระบบสังคมนิยมและมีสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง
เคยมีเขมรหลายฝ่ายมาตลอด
อีกทั้งยังถูกต่างชาติเข้าแทรกแซงการเมืองภายในตลอดเวลา
และปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น
ปัจจัยจีน
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลานี้กัมพูชากำลังเผชิญสิ่งท้าทายด้านนโยบายต่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจในเอเชีย-แปซิฟิก
ปี 2017 ด้วยพื้นฐานของนโยบายที่ไม่แน่นอนและคาดการณ์ได้ยากของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อภูมิภาคนี้ อิทธิพลของจีนทางเศรษฐกิจ การทหารและยุทธศาสตร์ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้จีนเป็นผู้ลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดและได้รับประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและการทหารในกัมพูชา
อิทธิพลจีนไปในทิศทางที่ต่างกันกับบทบาทสหรัฐอเมริกาในกัมพูชา วันที่ 16 มกราคม 2017 รัฐบาลกัมพูชาได้เลื่อน Angkor Sentinel อันเป็นการฝึกทางทหารร่วม (joint military exercise) ระหว่างกัมพูชากับสหรัฐอเมริกาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2010 (1)
การฝึกทหารร่วมกันนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก US Army Pacific Command ที่มีเจ้าภาพคือ Royal Cambodian Armed Forces (RCAF) และเน้นไปที่การอำนวยการด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งตอบสนองต่อปฏิบัติการกอบกู้พิบัติภัย การฝึกร่วมนี้เหมือนสิ่งที่มีความสำคัญต่อเสถียรภาพและความมั่นคงทางภูมิภาคของทั้งสหรัฐอเมริกาและกัมพูชา
มีการตีความการเลื่อนการฝึกร่วมครั้งนี้หลายด้าน ด้านรัฐบาลกัมพูชาการตัดสินใจเลื่อนการฝึกนี้ เพื่อต้องการให้เกิดการยึดมั่นภายในกองทัพอย่างเข้มแข็งช่วงระหว่างการเลือกตั้งในท้องถิ่นเดือนมิถุนายน 2017 และการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2018
การเลื่อนการฝึกร่วม ทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า กัมพูชาไม่มีปัญหากับสหรัฐอเมริกา รัฐบาลตัดสินใจแบบนี้ไม่สัมพันธ์อะไรระหว่างความสัมพันธ์กัมพูชา จีนและสหรัฐอเมริกา
มีคนวิเคราะห์ว่า การยกเลิกการฝึกร่วมใกล้ชิดกับการเติบโตของอิทธิพลจีนในกัมพูชา กัมพูชาเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของภาพที่กว้างออกไปของความตึงเครียดสหรัฐอเมริกา-จีนภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับจีนมากขึ้น
อีกคำอธิบายหนึ่งคือ การเลื่อนการฝึกเป็นสัญญาณที่แสดงว่า การพูดถึงประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและการปกครองโดยกฎหมาย (Rule of Law) ไม่ได้ผลอีกแล้ว กัมพูชายังเป็นท่าเรือเล็ก แต่สำคัญที่จีนได้ไปลงทุนขนาดใหญ่ในโครงข่ายของตนในศรีลังกา ปากีสถาน เมียนมา บังกลาเทศ ไทยและอินโดนีเซีย (2)
ทิศทางการเมืองที่เลวร้าย
และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ด้วยผลของมิติความสัมพันธ์กัมพูชาและจีนที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐอเมริกาถอนกำลังหน่วยทหารก่อสร้างกองเรือ (seabes) อันเป็นการยกเลิกโครงการที่วางแผนไว้ 20 โครงการ รวมทั้งโครงการก่อสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาล (3)
ตอนนี้รัฐบาลกัมพูชาแก้กฎหมายที่ทำให้รัฐบาลยุบพรรคการเมืองได้ง่ายขึ้น มีการจับกุมและเนรเทศนักการเมืองฝ่ายค้าน
การประท้วงของแรงงานที่ต้องการค่าแรงเพิ่มไม่ได้รับการสนองตอบ
แต่ตำรวจกลับไปปราบและทำร้าย
สื่อมวลชนที่ไม่ใช่ของรัฐที่เผยแพร่ข้อมูลการประท้วงค่าแรง การประท้วงของชาวบ้านเรื่องการถูกไล่ที่ดินทำกินต้องทำงานเงียบๆ และระมัดระวังตัว
ประชากรคนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล บ้างก็ออกไปทำงานต่างประเทศ หรือจำนวนมากก็ใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์รัฐบาล แต่ก็ต้องระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชายังอ้างว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาเติบโตต่อเนื่อง เขาอ้างว่าการส่งออกของกัมพูชายังดีและไม่เกี่ยวข้องกับการวิจารณ์การเมืองและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หนังสือพิมพ์ Khmer Times4 รายงานว่าบริษัท Minebea Cambodia บริษัทลูกของ Minebea Mitsumi บริษัทใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ลงทุนผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกัมพูชามูลค่า 24.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และเภสัชกรรม บริษัท Minebea Cambodia ลงทุนใน Phanom Phen Special Economic Zone
และถือว่าบริษัท Minebea ลงทุนมากเป็นอันดับ 3 ในกัมพูชา โดยเข้าไปลงทุนในปี 2011 และมีเงินลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016
การเลือกตั้งในปี 2018
ยังเป็นเรื่องที่คาดเดายากว่าฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน จะชนะการเลือกตั้งระดับชาติอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพราะการทำให้พรรคฝ่ายค้านอ่อนแอเห็นได้ชัดมาก พอๆ กับการควบคุมสื่อมวลชนอย่างหนัก แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลยังไม่สามารถคุมการเมืองได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะนอกรัฐสภา
ดังจะเห็นได้ว่า มีประชาชนไม่พอใจการบริหารเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก
เช่น การไล่ที่ชาวบ้านแล้วนำไปก่อสร้างศูนย์การค้าของต่างชาติ
เศรษฐกิจกัมพูชาก็ขึ้นอยู่กับ “เศรษฐกิจมืด” ได้แก่ การตั้งบ่อนกาสิโนรอบประเทศ มีทั้งในเมืองหลวงและเมืองสีหนุ วิล เมืองท่าที่ประกาศเสมอมาว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและมีท่าเรือน้ำลึก
มีการสร้างกระแสชาตินิยม เช่น เรื่องปัญหาชายแดนลาว-กัมพูชา แต่ก็เป็นมุขการเมืองเดิมๆ ของชนชั้นนำ รวมทั้งการเดินทางเยือนจีนบ่อยครั้งมากของผู้นำกัมพูชาก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความพยายามหาความสนับสนุนจากจีนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าประชาชนคนกัมพูชาจะพอใจต่อบทบาทของจีนในกัมพูชามากนัก
ถามว่า การปกครองกัมพูชาผู้นำมีอำนาจเบ็ดเสร็จไหม ตอบว่า ใช่ ทั้งเสียงในรัฐสภา ไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ผู้นำฝ่ายค้านถูกจับกุมหรือไม่ก็ต้องหนีออกไปต่างประเทศ มีกองทัพและตำรวจ มีต่างชาติหนุนหลัง
แต่การเมืองกัมพูชาก็ไร้เสถียรภาพ ภาพนี้มองดูคล้ายๆ ประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชาจังเลย
———————————————————————————————————-
(1) Veasna Var, “Cambodia jumps on the China defence bandwagon” East Asia Forum March 2017.
(2) Ibid.,
(3) MGR Online 5 เมษายน 2560
(4) “Japanese firm boosts, diversifies Cambodia investment” Khmer Times 5 December 2013.