ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 มิถุนายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
คลุกวงใน | พิศณุ นิลกลัด
Facebook : @Pitsanuofficial
ออกกำลังกายไป ยิ้มไป
ได้ประโยชน์หลายอย่าง
รอยยิ้มมีพลังมากกว่าที่เราคิด…
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าการยิ้มให้ผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ
เพราะทุกครั้งที่ยิ้มร่างกายของเราจะหลั่งสารแห่งความสุขเข้าสู่กระแสเลือด ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน, โดปามีน, หรือเซโรโทนิน สารเหล่านี้จะช่วยให้หัวใจแข็งแรง ลดความดันเลือด และทำให้เส้นเลือดขยายตัว เลือดลมจึงสูบฉีดดีขึ้น สลายความเครียด บรรเทาอาการเจ็บปวด
การยิ้มเป็นประจำยังช่วยลดความคิดแง่ลบในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะแย่เพียงใดก็ตาม
ทำให้เราเป็นคนที่มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ เสริมสร้างกระบวนการคิดและการตัดสินใจให้แม่นยำมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการทำงานและแก้ไขปัญหาต่างๆ อีกทั้งยังทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราดีขึ้นด้วย
แม้แต่ในระหว่างที่เราออกกำลังกายอย่างหนักจนเหนื่อยล้า เราอาจเคยบอกตัวเองให้ยิ้มและกัดฟันสู้ต่อเพื่อให้ไปจนถึงเป้าหมาย
มีการศึกษาที่ออกมาช่วยยืนยันว่าการยิ้มขณะออกกำลังกายมีประโยชน์ในด้านจิตวิทยา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องง่าย และยังช่วยให้เราทำผลงานได้ดีขึ้นจริงๆ ในการแข่งขันกีฬา
มหาวิทยาลัยอัลสเตอร์ (Ulster University) ของไอร์แลนด์เหนือ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสวอนซี (Swansea University) ของเวลส์ ทำการศึกษาเรื่องประโยชน์ของรอยยิ้มในขณะออกกำลังกาย
โดยให้อาสาสมัครทั้งชายและหญิงจำนวน 24 คนที่มีประสบการณ์วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ ทำการทดลองวิ่งบนลู่วิ่งสายพานคนละ 4 ครั้ง ครั้งละ 6 นาที
ในแต่ละครั้งให้อาสาสมัครวิ่งในรูปแบบที่ต่างกันไป
ครั้งแรก ให้อาสาสมัครยิ้มอย่างจริงใจตลอดเวลาที่วิ่ง 6 นาที
ครั้งที่สอง ให้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา
ครั้งที่สาม ให้วิ่งแบบผ่อนคลายร่างกายส่วนบนไปตามสบาย
ครั้งที่สี่ ให้วิ่งแบบปกติตามที่แต่ละคนเคยวิ่ง
นักวิจัยก็ไม่ได้อธิบายเป้าหมายที่แท้จริงของการทดลองนี้ให้ใครทราบ
ผลการศึกษาพบว่าการยิ้มทำให้นักวิ่งมีผลงานที่ดีขึ้น เพราะการวิ่งพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจไปด้วย จะช่วยให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียดเท่ากับการวิ่งในลักษณะอื่นๆ และยังลดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายต้องใช้ในการเปลี่ยนเป็นพลังงาน
และแน่นอนว่าการทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลานั้นทำให้ร่างกายตึงเครียดและต้องดึงพลังงานออกซิเจนมาใช้มากกว่าการวิ่งแบบอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง การยิ้มของอาสาสมัครเริ่มที่จะไม่ได้มาจากความรู้สึกโดยธรรมชาติ การทำงานของกล้ามเนื้อแต่ละจุดบนใบหน้าจึงเริ่มน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายและกล้ามเนื้อทุกส่วนกลับมาตึงขึ้น ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเท่าตอนที่ยิ้มในช่วงต้นของการวิ่ง
ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าการจะให้ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติตลอดเวลา 6 นาทีไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ
ดังนั้น หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายด้วยการยิ้ม จึงควรมีเทคนิคที่จะทำให้เรายิ้มออกมาอย่างจริงใจในขณะออกกำลังกาย
ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะเปิดฟังคลิปเสียงการแสดงของดาราตลกที่เราชื่นชอบขณะออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนส เพื่อทำให้เราได้รู้สึกขำและยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
เพราะการฝืนยิ้มที่ไม่ได้มาจากความรู้สึก นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังอาจทำให้เรารู้สึกอึดอัดในขณะที่ออกกำลังกายด้วย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022