รัฐบาลประชาชนกลางสงคราม ‘ความหวัง vs ความกลัว’ข่าวลือ-เฟกนิวส์-ข่าวเสี้ยม เขย่าMOU

รัฐบาลประชาชนกลางสงคราม ‘ความหวัง vs ความกลัว’ ข่าวลือ เฟกนิวส์ ข่าวเสี้ยม ท่วมเมือง เขย่าเอ็มโอยู ก้าวไกล-เพื่อไทย

 

การจัดตั้งรัฐบาลประชาชน 313 เสียง ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างไม่เป็นมาก่อน

กลายเป็นความหวังของผู้คนมากมายมหาศาล กลายเป็นสำนึกใหม่ทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ คนหนุ่มสาวอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูประบบงบประมาณ อยากเห็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร อยากเห็นประเทศไทยออกมาจากถ้ำที่ไม่มีแสงสว่างมาตลอด 9 ปีนับจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และอยากเห็นการรื้อถอนรากโลกใบเก่าที่ฉุดรั้งสังคมไทยมาอย่างยาวนาน

กลายเป็นความกลัวของปีกอนุรักษนิยม ปีกอนุรักษ์อำนาจนิยม กลัวว่ารัฐบาลก้าวไกลจะแตะต้องแก้ไขมาตรา 112 กลัวว่าระบบราชการจะถูกรื้อ กลัวว่าผลประโยชน์มหาศาลในกองทัพจะถูกสังคมตรวจสอบ กลัวก้าวไกลจะนำประเทศไทยไปอยู่ใต้จักรวรรดินิยมอเมริกา กลัวว่าจะถูกเช็กบิลเมื่ออำนาจเปลี่ยนไปสู่กลุ่มใหม่ กลัวกัญชาจะกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

กลัวมากมายสารพัด

 

ดังจะเห็นได้จากความกลัวแบบ น.ส.จารุณี สุขสวัสดิ์ ดารานักแสดงชื่อดังที่หอบผลเมลอน มาให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคปีกอนุรักษนิยมที่ได้รับความนิยมแค่ 4 ล้านเสียง โดยจารุณีบอกว่า ชอบประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะจุดยืน รักเคารพ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

“เราไม่ต้องการไปเป็นทาสของสหรัฐหรือประเทศอื่นๆ เพราะปัจจุบันก็ลำบากอยู่แล้ว เราจะอยู่กันอย่างไรต่อไปได้” นี่คือความกลัวแบบจารุณี ดาราดังรุ่นเก่าที่เชื่อ ว่า ก้าวไกลจะนำประเทศไปอยู่ใต้จักรวรรดินิยม อันเป็นกระแสที่ถูกปั่นขึ้นมาอย่างเป็นระบบของกลุ่มที่ความคิดตกค้างมาจากยุคสงครามเย็น

เอาเข้าจริง ปรากฏการณ์ความกลัวแบบจารุณี ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในช่วงจากนี้ไปจนถึงคนไทยได้เห็นหน้าตารัฐบาลใหม่ เดือนสิงหาคมตามปฏิทินการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คนไทยจะจมอยู่ในสงครามข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวเสี้ยม ข่าวไอโอ เฟกนิวส์ และข่าวขยะ ปริมาณมากมายมหาศาล ที่หลั่งไหลออกมาปั่นกระแส เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

เมื่อความกลัวผสมกับเฟกนิวส์ ทำให้นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาโต้ข่าวลือว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะมีการเปิดให้ประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย ว่า “มันเป็นเฟกนิวส์ที่ไกลจากความเป็นจริงมาก ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นและพูดกันอย่างจริงจัง เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่โบราณมาก ตอนแรกคิดเพียงว่าเป็นการส่งต่อข้อมูลกันทางไลน์ แต่เมื่อมีการแชร์ส่งต่อกันมากขึ้น จนบางท่านที่มีตำแหน่ง ที่มีระดับสูงในบ้านเมืองยังพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้เริ่มเป็นกังวลถึงเหตุผลว่าทำไมจึงมีคนเชื่อเรื่องแบบนี้”

แต่ความกลัวและข่าวลือที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นก็คือ กระแสข่าวอุบัติเหตุการเมืองที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาจติดบ่วงหุ้นไอทีวี ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พิธามีลักษณะต้องห้าม พิธาต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ ต้องถือว่าพรรคก้าวไกลไม่เคยเสนอแคนดิเดตนายกฯ เพราะฉะนั้น จะเป็นนายกฯ ไม่ได้

และเกมจะเปลี่ยนมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนสำคัญ ผู้ที่ตกอยู่ในกระแสข่าวลือเช่นกันว่ามีคอนเน็กชั่นแนบแน่นกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือบิ๊กแดง อดีตผู้บัญชาการทหารบก เปิดประเด็นการเมืองสุดฮอต ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างน่าสนใจ ในวันที่รัฐบาลประชาชนลงนาม MOU ณ โรงแรมคอนราด 22 พฤษภาคม 2566

โดยชูวิทย์ชี้ว่า นี่คือแผนซ้อนแผน นาทีนี้ “อำนาจเก่า” สุมหัววางแผนใช้ “หุ้นสื่อ” ที่พิธาถือ สกัดแคนดิเดตนายกฯ โดยไม่ต้องไปยืมมือ ส.ว. บรรดา ส.ว.เริ่มสงบปากเรื่องคัดค้าน อ้างเคารพเสียงส่วนใหญ่ที่ประชาชนเลือกมา ทำทีเปิดทางให้จัดตั้งรัฐบาลแล้วตลบหลังเรื่อง “หุ้นสื่อ” เป็นข้ออ้างไม่โหวต เพื่อไทยรอรับ “ส้มหล่น” เพราะมีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน

“แผนสอง” รองรับ ตกไปถึงมือพรรคเพื่อไทย เป็น “ไฟต์บังคับ” หลัง ส.ว. “โหวตแล้วโหวตเล่า” ไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับ “ก้าวไกล” ว่าจะทนต่อไปไหวไหม? หากหมดโอกาส ก้าวไกลเสนอชื่อนายกฯ ถึงทางตัน ตัวแปรเพื่อไทยที่คะแนนตกเป็นอันดับสองในรอบ 20 ปี กลายเป็น “แลนด์ไถล” แทน “แลนด์สไลด์” แค่พูดไม่ทันคำว่า “มีลุง ไม่มีเรา” หงายไพ่ใบสุดท้าย “ได้กลับมาเลี้ยงหลาน” อำนาจเก่าเลือกเจรจา “พรรคเพื่อไทย” มากกว่า “พรรคก้าวไกล” จำใจให้ทั้งหนูทั้งแมลงสาบมาร่วมวงไพบูลย์เพื่อชาติ เดินเกม “อันตราย” พลิกจากแพ้คะแนน แต่กลับมาจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาล ได้ ส.ว.ยกมือพึ่บพั่บไร้ข้อกังขา แผนซ้อนแผนต้องทัน “เกมอำนาจ” “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” เริ่มไหลล่องลอย รอวัดใจ “ประชาชน” จะทนไหวด้วยไหม?

เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์การเมือง ผู้มีสายข่าวกว้างไกล อย่าง “ไพศาล พืชมงคล” ที่วิเคราะห์ชะตากรรมของคุณพิธาจะก้าวถึงเก้าอี้ สร.1 หรือไม่? ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกมาก ไพศาลเชื่อว่า กรณีเรื่องบัญชีทรัพย์สินและความเกี่ยวข้องกับผู้กระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จะเป็นความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้คุณพิธาไปไม่ถึงดวงดาว!!! ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นคราวของคุณอุ๊งอิ๊ง

ซึ่งวาระนั้นพรรคก้าวไกลก็ต้องโหวตสนับสนุน MOU จะเป็น ICU หรือ IOU อีกไม่นานคงรู้กัน

 

กลางกระแสข่าวลือ ข่าวที่ถูกจับตาแบบไม่กะพริบตา คือ กระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดดีลลับยุบพรรค เพื่อไปรวมกับพรรคเพื่อไทย จนเจ้าตัวต้องมาปฏิเสธ

หรือแม้แต่ภารกิจสุดท้าย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิไทย รมว.สาธารณสุข ที่แวะ “ดูไบ” ก่อนไปเจนีวา เพื่อบินไปประชุมองค์การอนามัยโลก ก็ยังถูกตั้งข้อสังเกตทางการเมือง รวมถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เดิมแต่แรก หลังแพ้เลือกตั้ง แสดงท่าทีอยากวางมือทางการเมือง แต่เมื่อเหลียวดูความไม่นิ่งของขั้วรัฐบาลประชาชน ก็เปลี่ยนใจ สุ่มซ่อนรอคอยโอกาส ซื้อเวลา เฮือกสุดท้าย

จากวิกฤตการเมืองครั้งใหม่ ทำให้หลายคนย้อนไปดูบันทึกบทวิเคราะห์ดวงเมืองปี 2566 ของบุศรินทร์ ปัทมาคม หรือโหรบุศรินทร์ นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งวิเคราะห์ดวงเมือง 2566 ว่า ดาวราหูจรยังโคจรทับลัคนาดวงเมือง อยู่อีกนานถึง 10 เดือน ประเทศไทยจะต้องพบกับความยุ่งยากเดือดร้อน เหตุการณ์ทางการเมืองก็มีแนวโน้มว่าจะต้องต่อสู้หักล้างกันเชือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร สถานการณ์บ้านเมืองจึงสงบสุขร่มเย็นได้ยาก

โหรบุศรินทร์วิเคราะห์ว่า “แต่ละพรรคการเมืองจะต้องต่อสู้กันแบบชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร จะเกิดการแตกแยก หักล้างกันในระหว่างพรรค แตกความสามัคคี แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจนมากขึ้น รัฐบาลจะปกครองประชาชนได้ยาก นักการเมืองจะทำร้ายกันเอง การแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น ม็อบจะออกมาอย่างต่อเนื่อง”

วันนี้ กลางกระแสความหวังและความกลัว โดยมีข่าวลือและข่าวปล่อย หล่อเลี้ยง ทำให้จุดขัดแย้งและความแตกหักระหว่างพรรคการเมือง ร้าวลึกยิ่งขึ้น จนยากประสาน

นี่คือภาพการเมืองที่จะดำรงไปอีกยาวนาน จนสิ้นปี 2566