The Last Generation

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ซีรีส์เรื่อง Star Trek Picard 3 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สามของไตรภาคได้ถึงตอนอวสานเรียบร้อยแล้ว โดยมีชื่อตอนสุดท้ายนี้ว่า The Last Generation

รายงานข่าวว่านี่ควรเป็นเรื่องสุดท้ายของลูกเรือเอ็นเตอร์ไพรซ์ชุด Star Trek the Next Generation ซึ่งมีอายุยืนนานมา 36 ปีนับตั้งแต่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 1987 เป็นหนังชุดทางโทรทัศน์ 7 ซีซั่น ตามด้วยหนังใหญ่ 4 เรื่อง แล้วปิดท้ายด้วยไตรภาค Star Trek Picard อย่างสมบูรณ์

หนังฤดูกาลที่สามทำได้ดีทีเดียว เหมือนได้ดูหนังสตาร์ เทรคดั้งเดิมอีกครั้งหนึ่ง

ชื่อตอน The Last Generation รุ่นสุดท้ายนี้พ้องกับการ์ตูนตอนหนึ่งที่รวมเอาไว้ในหนังสือการ์ตูนสตาร์ เทรค Star Trek the Next Generation Omnibus ของสำนักพิมพ์ IDW ปี 2012 ความยาว 110 หน้า เรียกได้ว่าความสนุกและจิตวิญญาณของสตาร์ เทรคครบครันน่าชมเชยเช่นเดียวกัน การ์ตูนที่รักชวนอ่านด้วยกัน

การ์ตูนตอนนี้เริ่มต้นที่ฉากจบของหนังเรื่อง Star Trek VI : The Undiscovered Country เมื่อปี 1991 ของนิโคลาส ไมเยอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ 6 และเรื่องสุดท้ายของลูกเรือยานเอ็นเตอร์ไพรซ์ที่มีเจมส์ ที. เคิร์ก เป็นกัปตัน

ทบทวนสั้นๆ สำหรับท่านที่ไม่เคยดู

หนังตอนนี้เล่าเรื่องความพยายามที่จะเปิดการเจรจาสงบศึกระหว่างสหพันธ์ฯ กับพวกคลิงกอนหลังจากเป็นศัตรูกันมาช้านาน

เป็นธรรมดาของสงครามใดๆ ย่อมมีขุนศึกที่ไม่อยากให้การเจรจาสันติภาพสำเร็จ ขุนศึกนี้มีแฝงอยู่ในทั้งสองฝ่าย

หนังดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้นและแยบคาย มีบทสนทนาดีๆ คมๆ จำนวนมาก ก่อนจะมาถึงฉากสุดท้ายที่การเจรจาสูงสุดบนดาวไคโทเมอร์เมื่อกัปตันเคิร์กช่วยชีวิตประธานฝ่ายคลิงกอนจากการลอบสังหารเอาไว้ได้

บัดนี้จักรวาลเข้าสู่ยุคใหม่ โดยใช้คำจากเช็กสเปียร์ที่ว่า The Undiscovered Country

การ์ตูนเริ่มต้นที่ฉากนี้แต่กัปตันเคิร์กช่วยชีวิตประธานฝ่ายคลิงกอนเอาไว้ไม่ได้ หลังจากนั้นเส้นเวลาก็เปลี่ยนไปอีกทิศหนึ่ง เกิดสงครามอวกาศระหว่างสหพันธ์ฯ กับคลิงกอนยาวนานตั้งแต่ยุคของเจมส์ ที. เคิร์ก มาจนถึงยุคของฌอง ลุค พิกคาร์ด สหพันธ์ฯ ล่มสลาย คลิงกอนส่งยานรบทำลายโลก กัปตันพิกคาร์ดมีสภาพเป็นหัวหน้าหน่วยใต้ดินทำงานร่วมกับไรเกอร์ ลาฟอร์จ ดร.ครัชเชอร์ และแอนดรอยด์เดต้า

เดต้ามิได้สมบูรณ์แบบเหมือนเส้นเวลาเดิม เขาสามารถคำนวณสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้แต่ก็ทำมิได้ด้วยความเร็วเท่าเดิม

ตัวละครอื่นเปลี่ยนบทบาทไป เวสลี่ ครัชเชอร์ บุตรชายของ ดร.ครัชเชอร์เป็นพวกหัวรุนแรง ไกแนนยังคงเป็นเอเลี่ยนที่มีความคิดและปรัชญาเหนือมนุษย์แต่มีสัมพันธ์กับพิกคาร์ด

ที่มันที่สุดคือคลิงกอนวอร์ฟกลายสภาพจากลูกเรือเอ็นเตอร์ไพรซ์เป็นผู้นำสูงสุดของคลิงกอนและมีบุตรชายบ้าเลือดพอกัน

สนุกขึ้นไปอีกเมื่อนักอ่านพบว่านางบำเรอของวอร์ฟคือดิแอนน่า ทรอย

หนังมีตัวละครหลายคนจากสตาร์ เทรคชุด Voyager ด้วยเพราะตามท้องเรื่องเดิมอยู่ยุคสมัยเดียวกัน เช่น วัลแคนทูว็อค และนายแพทย์โฮโลแกรม การ์ตูนดำเนินเรื่องอย่างน่าตื่นเต้นและมีบทสนทนาดีๆ ตามขนบของสตาร์ เทรคดั้งเดิม

กลับไปที่ตอนท้ายของหนังใหญ่ Star Trek VI : The Undiscovered Country อีกครั้ง กัปตันซูลูเป็นผู้บังคับการยานเอ๊กเซลซิเออร์ ในขณะที่สหพันธ์ฯ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้คลิงกอนในไทมไลน์ใหม่ ยานเอ๊กเซลซิเออร์เป็นยานระดับกาแล็กซี่คลาสลำเดียวที่เหลืออยู่และกัปตันซูลูยังอยู่

หนังการ์ตูนเล่าเรื่องข้อสงสัยของพิกคาร์ดต่อการเปลี่ยนแปลงของไทม์ไลน์หลังจากสนทนากับหุ่นเดต้าในคราวหนึ่ง นำไปสู่สมมุติฐานว่าจักรวาลที่เป็นอยู่นี้ไม่ใช่เส้นเวลาเดิม แต่การควานหาเส้นเวลาเดิมหรือจักรวาลเดิมก็ยากเย็นด้วยมีใครบางคนเปลี่ยนประวัติศาสตร์ซ้ำหลายครั้งจนกระทั่งการย้อนรอยทำไม่ได้

พิกคาร์ดสืบสวนจนรู้ว่าเรื่องนี้มีตัวการชื่อแบร๊กซ์ตัน

พิกคาร์ดต้องการแก้ไขประวัติศาสตร์ในขณะที่พวกหัวรุนแรงต้องการล้างแค้นคลิงกอน วอร์ฟฆ่าดิแอนน่าตายและเตรียมล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ กัปตันซูลูดวลดาบกับวอร์ฟถึงแลกชีวิต พิกคาร์ดด้วยการคำนวณแม่นยำของเดต้าและพลังขับเคลื่อนของยานเอ๊กเซลซิเออร์นำพิกคาร์ดกลับไปที่ดาวไคโตเมอร์ในวันเจรจาสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง

พิกคาร์ดพบว่าแบร๊กซ์ตันคือผู้ขัดขวางกัปตันเคิร์กมิให้ทำการสำเร็จตั้งแต่แรก แบร๊กซ์ตันพบว่าอนาคตของจักรวาลมีหลายเส้นสาย ทุกเส้นสายนำไปสู่จุดจบของจักรวาล มีไทม์ไลน์เพียงสายเดียวที่คงอยู่ต่อไป ไทม์ไลน์สายนั้นต้องไม่มีสหพันธ์ฯ

แบร๊กซ์ตันชวนพิกคาร์ดนึกถึงเรื่องหลายเรื่องที่สหพันธ์ฯ ไม่ควรทำ

ตัวอย่างหนึ่งที่นักดูหนังน่าจะจำกันได้คือภารกิจของกัปตันเคิร์กและสป๊อกในหนังใหญ่ Star Trek IV : The Voyage Home ปี 1968 เมื่อยานเอ็นเตอร์ไพรซ์ย้อนอดีตไปลักเอาวาฬหลังค่อมจากศตวรรษที่ 20 เพื่อไปสื่อสารกับเอเลี่ยนในศตวรรษที่ 25

เอเลี่ยนเตรียมทำลายโลกเหตุเพราะหาวาฬหลังค่อมไม่พบ (เนื่องจากถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปก่อนแล้ว)

พิกคาร์ดไม่รู้หรอกว่าการช่วยโลกครั้งนั้นด้วยการเอาวาฬหลังค่อมตัวสุดท้ายออกไปจากศตวรรษที่ 20 สร้างความเสียหายต่อชีวิตมนุษยชาติมากมายเพียงใด

คำแก้ต่างของพิกคาร์ดต่อแบร๊กซ์ตันง่ายๆ เขาพูดทำนองนี้หลายครั้งในหนังชุด 7 ปีแรก “เราเป็นผู้กำหนดอนาคต มิใช่อนาคตเป็นผู้กำหนดเรา” ประมาณนี้

หลายท่านสงสัยว่าทำไมหนังชุดสตาร์ เทรคถึงอยู่ได้ยืนยาวมาตั้งแต่ออกอากาศครั้งแรกปี 1966 นั่นคือ 57 ปีล่วงมาแล้ว

เหตุเพราะมิใช่หนังผจญภัยอวกาศดาษดื่นแต่มีเรื่องปรัชญาแฝงอยู่ทุกตอน รวมทั้งจิตวิทยา จิตวิเคราะห์ และหลักการบริหาร

ที่ดีที่สุดคือเรื่องจริยธรรม มีอำนาจมากเท่าไรยิ่งต้องมีความเข้มแข็งทางจริยธรรมมากเพียงนั้น คือ Integrity

แฟรนไชส์สตาร์ เทรคแตกออกไปมากมาย บางชุดก็ดูจะไม่ถูกใจแฟนเก่า ท่านที่อยากดูซีรีส์ใหม่ สหัสวรรษใหม่แต่คงการผจญภัยและปรัชญาแบบสตาร์ เทรคดั้งเดิม แนะนำให้ดูชุด Star Trek Strange New Worlds ที่จบฤดูกาลแรกไปแล้ว ทำได้ดีมาก สนุกมาก กับจะมีซีซั่นสองตามมากลางปีนี้

หน้าสุดท้ายของการ์ตูนเรื่อง The Last Generation นี้กัปตันพิกคาร์ดพูดว่าเรามิใช่รุ่นสุดท้ายแต่เราเป็นรุ่นต่อไป The Next Generation

ส่วนซีรีส์ Star Trek Picard 3 ความยาวสิบตอนจบให้ชื่อตอนที่หนึ่งว่า The Next Generation ก่อนที่จะให้ชื่อตอนจบว่า The Last Generation น่าจะได้อำลาพิกคาร์ดกันจริงๆ เสียที •

 

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์