เปิดนโยบาย ‘การศึกษา’ ‘พรรคการเมือง’ จะได้ใจประชาชน?

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป วันที่ 14 พฤษภาคม การเมืองไทยก็ยิ่งร้อนแรงเพิ่มมากขึ้น พรรคการเมืองต่างแข่งกันลงพื้นที่หาเสียง ประกาศนโยบายเพื่อแก้ปัญหาด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข การเกษตร สิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายสำคัญด้าน “การศึกษา” ที่แต่ละพรรคต่างขนของดี ของเด่น มานำเสนอกันมากมาย…

เริ่มจากพรรคการเมืองเก่าแก่อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” มีชูนโยบายการศึกษาทันสมัย แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้

1. ด้านการจัดการศึกษาระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา โดยจัดให้มีการเรียนฟรีมีคุณภาพ ตั้งแต่อนุบาลถึง ม.6 และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สนับสนุนอาหารเช้า และอาหารกลางวันฟรี และสนับสนุนนมฟรี 365 วัน

2. ด้านการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่งเสริมการเรียนฟรีระดับปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ พร้อมกับขยายกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในระดับปริญญาตรีให้เพียงพอ และจะยกระดับ กยศ.เป็นกองทุนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจะขยายให้ประชาชนมีสิทธิกู้ยืมด้วย

3. ด้านการศึกษา และเรียนรู้ตลอดชีวิต จะจัดการเรียนรู้เพิ่มเติมแก่ประชาชนทั่วไป โดยให้สิทธิเลือกเรียนตามความถนัด และสนใจ ส่งเสริมการจัดการศึกษาด้วยหลักสูตรออนไลน์ (E-Learning) ในแขนงวิชาที่หลากหลายจนถึงระดับปริญญา

และ 4. ด้านการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ ปชป.จะเน้นปรับปรุงการบริหารจัดการการศึกษาตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จนถึงระดับมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง และเป็นเอกภาพ และส่งเสริมสนับสนุนการกระจายอำนาจตรงไปที่โรงเรียน โดยให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล

 

ฝากฝั่ง “พรรคเพื่อไทย (พท.)” ชูประเด็นการศึกษาให้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องการพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นคง และเกิดเท่าเทียมในสังคม โดยมีนโยบายส่งเสริมการศึกษา ดังนี้

ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn เพื่อเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต

นอกจากนี้ มีนโยบายจบปริญญาตรีอายุ 18 ปี ปรับระบบการศึกษาจาก 6-6-4 ไปสู่ระบบการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อสนับสนุนคนเข้าตลาดแรงงานเร็วขึ้น พร้อมกับมีนโยบาย “Free tablet for all” โครงการ 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และโครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาผ่านออนไลน์

พท.ยังมีโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาให้กับประชาชน คือ เรียนฟรี ต้องฟรีจริง เพิ่มงบประมาณอาหารกลางวัน และบริการรถรับส่งนักเรียนฟรี เรียนอาชีวะฟรีมีอยู่จริง ปั้นสถานศึกษาอาชีวะเป็นศูนย์สร้างสรรค์ สร้างตัวได้ โรงเรียน 2 ภาษาในทุกท้องถิ่น สอนภาษาต่างประเทศ

และมีศูนย์การเรียนรู้แบบ TCDC และ TK Park ให้ครบทุกจังหวัด

 

สําหรับพรรคที่มาแรง โดนใจคนรุ่นใหม่อย่าง “พรรคก้าวไกล (ก.ก.)” มีนโยบายการศึกษา คือ “การศึกษาไทยก้าวหน้า” โดยนโยบายนี้ ถูกออกแบบบนพื้นฐานที่ว่า นักเรียนหนึ่งคนที่เติบโตในประเทศไทย ต้องได้รับการศึกษาที่ประกอบด้วยอย่างน้อย 6 คุณสมบัติ หรือ 6 ด้าน รวม 20 นโยบาย

ด้านที่ 1 การศึกษาที่ฟรีจริง ประกอบด้วย 1.เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง 2.ทุกโรงเรียนมีงบฯ พอ และ 3.โรงเรียนโปร่งใส ปราศจากทุจริต

ด้านที่ 2 การศึกษาที่ปลอดภัย ไร้อำนาจนิยม ประกอบด้วย 4.ส้วมสะอาด อาคารสถานที่ปลอดภัย ซึมเศร้ามีที่ปรึกษา 5.กฎโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน 6.ครูละเมิดสิทธิ พักใบประกอบทันที และ 7.ยกเลิกตั้งแถว ใช้เวลาอัพเดตเหตุการณ์บ้านเมือง

ด้านที่ 3 การศึกษาที่มีคุณภาพ ปฏิวัติการศึกษา สร้างคนให้ทันโลก ประกอบด้วย 8.ออกแบบหลักสูตรใหม่ เน้นทักษะที่ได้ใช้จริง 9.ชั่วโมงเรียนดีมีคุณภาพ ลดคาบเรียน-การบ้าน-การสอบ 10.โรงเรียน 2 ภาษา นักเรียนพูดภาษาอังกฤษได้ และ 11.เปิดข้อสอบ TCAS ย้อนหลังทั้งหมดพร้อมเฉลยทันที

ด้านที่ 4 การศึกษาที่คืนครูให้ห้องเรียน คืนคุณค่าให้วิชาชีพครู ประกอบด้วย 12.คืนครูให้นักเรียน เลิกนอนเวร ลดงานเอกสาร ยกเลิกพิธีรีตองในการประเมิน-รับแขก 13.นักเรียนประเมินครู ครูประเมินผู้อำนวยการโรงเรียน และ 14.งบฯ อบรมให้ครู-โรงเรียน ตัดสินใจเองว่าจะเรียนรู้อะไร

ด้านที่ 5 การศึกษาที่ไม่จำกัดอยู่ที่โรงเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ประกอบด้วย 15.คูปองเปิดโลก สูงสุด 2,000 บาทต่อปี สำหรับเรียนรู้นอกห้องเรียน 16.เรียนฟรีอาชีวะถึง ปวส.จบแล้วมีงานทำ และ 17.แพลตฟอร์มเรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนฟรีไม่จำกัด รับรองคุณวุฒิพร้อมระบบจัดหางาน

และด้านที่ 6 การศึกษาที่ใกล้ชิดผู้เรียน นักเรียน-ครู-ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 18.กระจายอำนาจให้โรงเรียน เติบโตได้ภายใต้ท้องถิ่น 19.บอร์ดโรงเรียน ต้องมีตัวแทนนักเรียน และ 20.สภาเยาวชน มาจากการเลือกตั้ง เสนอกฎหมายไปที่สภาได้

 

ขณะที่ “พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดอาวุธหลักในเลือกตั้ง 2566 ภายใต้การขับเคลื่อน 3 นโยบาย คือ “สวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ” แต่ยังไม่ประกาศนโยบายด้านการศึกษาออกมาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” มีการประกาศนโยบายที่ตอกย้ำผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเบื้องต้นประกาศมาแล้ว 13 นโยบาย หนึ่งในนั้นมีนโยบายการศึกษา คือให้ทุนเรียนวิชาชีพอำเภอละ 100 ทุน

ส่วน “พรรคภูมิใจไทย (ภท.)” มาด้วยคอนเซ็ปต์ พูดแล้วทำ พร้อมกับเปิด 16 นโยบายหลัก หนึ่งในนั้นมีนโยบายด้านการศึกษา โดยเน้นว่า ใครๆ ก็มีสิทธิเรียนจบได้ใบปริญญาอย่างเท่าเทียม โดยจะผลักดันการเรียนออนไลน์ ให้เรียนฟรีตลอดชีวิต พร้อมกับได้ใบปริญญา

และ “พรรคไทยสร้างไทย” ที่นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีนโยบายการศึกษา คือจะผลักดันเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ไม่เป็นหนี้ กยศ. อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน ไม่ต้องย้ายประเทศหนี

 

แม้หลายพรรคจะออกนโยบายที่น่าสนใจ แต่ยังไม่โดนใจคนการศึกษามากเท่าที่ควร

นายวิสิทธิ์ ใจเถิง นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) บอกว่า เท่าที่ติดตามดูเบื้องต้น ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนให้ความสำคัญ หรือมีนโยบายการศึกษาที่ชัดเจน ขณะนี้สมาคมครูและบุคลากรทางการศึกษา กำลังจับตาดูว่ามีพรรคการเมืองใดที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของชาติบ้าง เพื่อที่จะนำมาพิจารณา และดูทิศทางว่าควรจะรณรงค์สนับสนุนให้คนในแวดวงการศึกษาเลือกพรรคนั้น

ส่วนนายวีรบูล เสมาทอง ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ระบุว่า ส.ค.ท.ไม่มีพรรคการเมืองในใจ เราเป็นมิตรกับทุกพรรคการเมือง เพียงแต่ขอให้แต่ละพรรคดูแลการศึกษา และฟังเสียงครูอย่างแท้จริง แต่ถ้าพรรคการเมืองไหนอยากได้ใจครู ต้องมีนโยบายยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติใหม่ทั้งหมด และครูมีส่วนร่วมด้วย

ขณะที่ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา มองว่า จากที่ติดตามนโยบายของพรรคต่างๆ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องเรียนฟรี และเน้นประชานิยม แต่ไม่มีพรรคไหนให้ความชัดเจนเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ว่าจะปฏิรูป และพัฒนาการศึกษาอย่างไร และความชัดเจนเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…. จะเดินหน้าต่อ หรือจัดทำใหม่

“มองว่าแต่ละพรรคการเมืองเห็นเหมือนกัน ว่าหากประกาศจุดยืนเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ชัดเจน จะไปขัดแย้งกับองค์กรบางองค์กรที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งอาจจะทำให้เสียคะแนนเสียงจากคนบางกลุ่มหรือไม่” ศ.ดร.สมพงษ์ระบุ

งานนี้ มารอลุ้นกันว่า “นโยบายการศึกษา” ของ “พรรคการเมือง” ใด จะเอาชนะใจประชาชน ให้จรดปลายปากกาเลือกได้ในที่สุด!! •

 

 

| การศึกษา