‘ทวี สอดส่อง’ ร่วมละศีลอดกับพี่น้องมุสลิมนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา รับเรื่องร้องเรียนนายทุนรุกที่ดิน กุโบร์โบราณ 400 ปี

‘ทวี สอดส่อง’ ร่วมละศีลอดกับพี่น้องมุสลิมนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา รับเรื่องร้องเรียนนายทุนรุกที่ดิน กุโบร์โบราณ 400 ปี

วันนี้ (24 มี.ค.66) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และคณะ เดินทางมาร่วมละศีลอด (รับประทานอาหารมื้อแรกสำหรับผู้ถือศีลอด) ที่บริเวณกุโบร์ (สุสาน) บ้านท่ายาง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นกุโบร์โบราณกว่า 400 ปี ริมปากคลองนาทับ โดยมีชาวบ้านจำนวนหลายสิบคนมาร่วมต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.มังโสด หมะเต๊ะ ว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.สงขลา เขต 8 และอาจารย์เบน หรือนายอับดุลเราะมัน มอลอ ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 7

ก่อนการละศีลอด มีตัวแทนชาวบ้านร้องเรียนปัญหาว่าที่ดินบริเวณนี้มีนายทุนเอาเปรียบชาวบ้านมาอ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของตนเอง จึงได้รวมตัวกันเรียนร้องสิทธิในที่ดิน โดยได้เรียกร้องผ่านเทศบาล อำเภอ แม้จะมีการมาทำรางวัดแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า กุโบร์แห่งนี้ทิศตะวันออกติดทะเลหลวง ทิศตะวันตกติดคลองนาทับ ซึ่งบริเวณโดยรอบนี้เป็นของนายทุนหมดแล้ว ชาวบ้านมีความกังวลว่ากุโบร์จะถูกอ้างกรรมสิทธิ์และถูกทำลายไป อนาคตจะไม่มีกุโบร์ให้ฝังศพอีกต่อไป ซึ่งกุโบร์แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยรายาบีรูของผู้ปกครองรัฐปาตานีในอดีต จึงรู้สึกอุ่นใจมากที่ผู้หลักผู้ใหญ่มาให้ความสนใจปัญหาของชาวบ้านและมาร่วมกันละศีลอดที่นี่ ชาวบ้านขอช่วยจริงๆเพราะไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้ว หวังพึ่งพรรคประชาชาติเป็นที่พึ่งสุดท้าย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้ลุกขึ้นกล่าวพบปะกับชาวบ้านว่า พวกเราได้มายืนอยู่ในที่ที่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกคนหนึ่งนั่นคือเชคดาวุด อัลฟาฏอนีย์ ได้มารอมแรมอยู่บริเวณนี้ ผมได้เคยไปพบกับรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศาสนาอินโดนีเซีย ท่านบอกว่าอินโดนีเซียมีมุสลิม 250 ล้านคน และมีผู้นับถือศาสนาอื่นๆอีก 4% แต่คนทุกศาสนาในอินโดนีเซียมีความเสมอภาค คือมีอธิบดีศาสนาอิสลาม 1 คน อธิบดีศาสนาพุทธ 1 คน และอธิบดีศาสนาคริสต์ 2 คนเพราะมี 2 นิกาย แม้ทั้งประเทศจะเป็นมุสลิมเกือบทั้งหมดแต่ทุกศาสนาก็มีอธิบดีเสมอกัน ในส่วนของมุสลิมจะมี 3 กลุ่มนิกาย ส่วนใหญ่เป็นนิกายที่มาจากเชคดาวุด อัลฟาฏอนีย์ ชาวปัตตานีที่เคยมารอนแรมในที่แห่งนี้

พันตำรวจเอก ทวี ได้ขอบคุณผู้ที่เขียนข้อมูลประวัติศาสตร์ของกุโบร์โบราณแห่งนี้ ว่าเป็นเอกสารที่ล้ำค่ามาก เพราะเราจะไม่สามารถหาอ่านจากเอกสารของรัฐได้เลย หรืออาจจะหาอ่านได้จากงานเขียนของ รศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา ที่ได้เขียนว่าคนมลายูใน 3 จังหวัดภาคใต้ต้องอพยพไปยังนครมักกะห์ในยุคต่างๆเป็นเพราะอะไร ผมอ่านแล้วตกใจมาก ต้องขอบคุณผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์นี้ ไว้ให้ ดร.มังโสด หมะเต๊ะ เป็น ส.ส.แล้วต้องบรรจุประวัติศาสตร์นี้เข้าไปในหลักสูตรการศึกษา

จากนั้น ทุกคนได้ร่วมกันละศีลอดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุโบร์โบราณ ริมคลองนาทับ ท่ามกลางดาวเคียงเดือน ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันที่ 2 ของเดือนรอมฎอนที่พี่น้องมุสลิมได้ถือศีลอดพร้อมกันทั่วโลก ก่อนจะมีการละหมาดมัฆริบร่วมกันที่ศาลา และร่วมกันขอดุอาอ์ให้ ดร.มังโสดและพรรคประชาชาติได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรในรัฐสภา