“สมชัย”ร้องกกต.เอาผิด“ประยุทธ์-พีระพันธุ์” ใช้ทรัพยากรรัฐ ตรวจราชการจอมปลอม

“สมชัย” ร้อง กกต. ฟัน “ประยุทธ์-พีระพันธุ์” ใช้ทรัพยากรรัฐตรวจราชการเอื้อพรรครทสช. ซัดแรงทำหน้าที่ไม่สมศักดิ์ศรีผู้นำ แต่เหมือนนายกอบต.

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบกรณีการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง

โดยนายสมชัยกล่าวว่า ได้นำข้อมูลตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกัน นายพีระพันธุ์ก็มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการจัดตารางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพบว่ามีการลงพื้นที่ตรวจราชการ จำนวน 16 ครั้ง ใน 18 จังหวัด แอบแฝงการหาเสียง โดยนำว่าที่ผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมลงพื้นที่ด้วย

นายสมชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้นำทรัพยากรของรัฐ เช่น การใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ จำนวน 8 เที่ยว และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก จำนวน 18 เที่ยว รวมถึงเกณฑ์ข้าราชการและชาวบ้านมาต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยรักษาความปลอดภัย ซึ่งการตรวจราชการแต่ละครั้งมองว่าไม่เหมาะสม เป็นการใช้งบประมาณและทรัพยากรของรัฐตรวจราชการจอมปลอม

“ถ้าท่านทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามที่ได้พูดจะไม่มีใครว่าเลย แต่ถ้ามองถึงรายละเอียดที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของทางราชการ ลงไปทำอะไร บทบาทไม่เหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นผู้อำนวยการกองคลังที่จะต้องลงไปตรวจรับพัสดุ อันนี้เหมาะสม หรือถ้าเป็นนายก อบต.ลงไปทำพิธีเปิดแพขนานยนต์ หรือเปิดสวนสาธารณะ ถึงจะเหมาะสม แต่วันนี้เป็นนายกฯ จึงอยากให้ทำงานให้สมศักดิ์ศรี หากนายกฯของประเทศไทยจะทำงานทำนองนี้ ตรวจการก่อสร้างอาคารจอดรถโรงพยาบาลว่าเสร็จหรือไม่ ไปตรวจดูว่าเจดีย์ที่อยุธยามีสภาพเสื่อมโทรมเพียงใด ไปเป็นประธานเปิดการสัมมนา เปิดสวนสาธารณะ เปิดแพขนานยนต์ ไม่ใช่สาระของนายกฯ”

ถ้าจะพูดว่าตั้งใจทำงานให้กับประเทศชาติ ต้องไตร่ตรองว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ เพราะแต่ละครั้งที่ไป ใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นเครื่องบินหรู ค่าน้ำมันเป็นแสน ใช้เฮลิคอปเตอร์ตรวจราชการต่างๆ เป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างไม่เหมาะสม คงให้ท่านคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ ในฐานะที่จะประสงค์ลงการเมือง สิ่งแรกที่ต้องคิดและตัดสินใจคือรู้จักการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตนและพรรคการเมือง นี่คือสปิริตเบื้องต้นของคนที่จะลงแข่งขันทางการเมือง ถ้าไม่รู้จักสิ่งนี้อย่ามาลงเลยครับ” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องเข้ามากำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะเดียวกันต้องกำกับดูแลไม่ให้ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 78 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไรก็ตาม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และนายพีระพันธุ์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนั้นก็จะถือว่าทำผิดกฎหมายตามมาตรา 132 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยระบุว่า ผู้สมัครผู้ใดกระทำความผิดก่อนหน้าการประกาศผลเลือกตั้ง กระทำการอันใดที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม กกต.สามารถให้ใบส้มได้ หรือเพิกสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง 1 ปี และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือถ้าผู้สมัครรับเลือกตั้งบัญชีรายชื่อ ก็ถอดออกจากบัญชีรายชื่อได้ ซึ่งความผิดดังกล่าวครอบคลุมประกาศ กกต.ในช่วง 180 วัน โดยผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้สมัครให้ถือว่าเป็นผู้สมัคร นอกจากนี้ ถ้าพบว่ากรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น ไม่มีการห้ามปราม สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองได้ รวมถึงตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตและดำเนินคดีอาญา ซึ่งในกรณีนี้จะครอบคลุมในกรณียุบสภา