ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | อัญเจียแขฺมร์ |
ผู้เขียน | อภิญญา ตะวันออก |
เผยแพร่ |
แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยตกที่นั่งลำบาก
แต่ทุกวันนี้ ราหูเป็นบาปพระเคราะห์ สมเด็จเตโชฮุน เซน (สื่อเขมรเรียกเตโชเสน) ต้องมีเหตุปมกะเดา แทบจะทุกวัน
ตั้งแต่คนในครอบครัวไปยันปัญหาประเทศ
ทุกวันนี้ เตโชเสนแค่ยืนติดโพเดียมเป็นต้องพูดเสียงอ่อยๆ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขาที่ออกแนวขู่กรรโชก ต่อให้เป็นเรื่องครอบครัวก็เถอะ
ไม่กี่อาทิตย์ก่อน เตโชเสนยังขู่หลานนายพลตำรวจฮุน เจีย ใหญ่ให้เลิกกับเมียน้อย มิฉะนั้นเขาจะปลดจากตำแหน่ง เป็นที่รู้กัน สมเด็จฮุน เซน ไม่เคยชอบพฤติกรรมนอกใจ
ล่าสุด ฮุน มานิต-ฮุน มาลี สองศรีพี่น้องลูกรักซึ่งทำตัวเป็นนักสะสมสัตว์ป่าอนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนโดยเฉพาะนกยูง
ดังเป็นที่รู้กัน ฮุน มานิต นิยมตั้งแคมป์ในป่าดิบ หลายๆ ครั้งดูจะมีการไล่ล่าสัตว์ด้วย หลังๆ มานี้ รสนิยมส่วนตัวของเขาแบบนี้ดูจะทำให้สามีฮุน มาลี ตื่นเต้นไปด้วย
สมเด็จฮุน เซน ก็เหมือนชาวเขมรส่วนใหญ่ ที่ไม่ให้ความสำคัญกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ด้วยเหตุนั้น ฮุนบิดาจึงบ่นๆ กึ่งเอ็นดูลูกๆ ที่ไปเอานกยูงมาเลี้ยงดู แต่ไม่พูดเรื่องทำผิดกฎหมาย
ไม่เท่านั้น บุตรเขยคนสุดท้องของฮุน เซน อดีตลูกนักการเมือง-สก พุตธีวุต ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจดัง แต่กลับมีรสนิยมบริโภคสัตว์ป่าหายากและตั้งแคมป์ส่องสัตว์ป่าซึ่งเป็นพฤติกรรมแบบชนยุคกลางแบบเดียวกับพี่เมีย-ฮุน มานิต ที่ตกเป็นข่าวขุดคุ้ยว่าอยู่เบื้องหลังฮุบป่าของชุมชนของจังหวัดกันดาลเพื่อทำสวนสัตว์ท่องเที่ยว
โดยมีนอมินีหนุ่มออกญาซึ่งถือครองธุรกิจสีเทาจากกาสิโนเพื่อฟอกเงินอยู่เบื้องหลัง จนถูกชาวบ้านออกมาคัดค้าน
ระหว่างที่แคมเปญเลือกตั้งทั่วไปกำลังเดินหน้า ฮุน เซน จึงตัดสินใจยุติปัญหาโครงการดังกล่าว และนี่คือเรื่องฉาวโฉ่ในหมู่ครอบครัวตระกูลฮุนที่เริ่มจะปิดบังไม่มิดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่ฮุน มาแนต ผู้ได้ชื่อว่า “ไร้มลทินมัวหมอง” กว่าพี่น้องคนอื่นๆ ก็ไม่พ้น
ฮุน มาแนต หลายปีก่อน เคยถูกขุดคุ้ยสัมพันธ์ลับกับอดีตแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้เคยทำงานให้กองทัพและต่อมาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสภา ด้านอำนวยการสมาชิกพรรคระดับสูง
เธอมักโพสต์รูปกับนายพลมาแนตที่แสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนม แต่จู่ๆ ก็กลับมีข่าวความสัมพันธ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่ง ซึ่งพบว่าต่อมาเธอทำอัตวินิบาตกรรมอย่างน่าสงสัยในหลักฐานผูกคอตายนั่น
ทุกวันนี้ มีใครบ้างที่ข้อสงสัยว่าทำไมฮุน เซน จึงหลงๆ ลืมๆ นับหลานๆ ตระกูลฮุนเกินจำนวนตลอดเวลา? เอ หรือสมเด็จนั้น ยังมีหลานๆ นอกสมรสที่ปิดบังอีกบางคน?
เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครรู้ลึกไปกว่าคนในครอบครัวตระกูลฮุน
อนึ่ง นอกจากสาแหรกที่ใหญ่โตมโหฬารแล้ว ในพิธีแห่งความตายของสมาชิกตระกูลฮุนก็ยังแตกต่างไปจากประเพณีศพของกัมพูชาทั่วไป
คิดดูเถอะ อย่างต่อเนื่อง ภายในเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ได้ทำพิธีบรรจุโลงศพของพี่ชายฝังไว้ในฐานเจดีย์องค์ใหญ่แห่งวัดประจำตระกูลเมืองกำปงจาม
เช่นเดียวกับสมเด็จบุน รานีฮุนเซน ทำพิธีศพของบุน สุทา น้องสาว เป็นพิธีศพแบบใหม่ที่ต่างไปจากอดีตในการบรรจุแต่อัฐิธาตุในเจดีย์เท่านั้น
ตระกูลฮุนยังออกแบบอีกหลายอย่างในธรรมเนียมพิธีศพของครอบครัวอย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน แม้แต่ในหมู่เจ้านายราชสำนักก็ไม่เคยมี
สมเด็จฮุน เซน แม้จะไม่ชอบไอเดียที่ว่านี้เท่าใดนัก แต่ก็นับว่าเป็นผู้ริเริ่มพิธีบรรจุศพในเจดีย์ถึง 2 ครา ขณะที่บุน รานี ก็บัญชาสร้างเจดีย์รอการบรรจุร่างของสามีและตนเองในอนาคตไว้ล่วงหน้า!
สมเด็จฮุน เซน ยังเป็นเจ้าของไอเดียอื่นๆ ที่บุกเบิกนำร่องอำนาจอ่อนมาร่วม 20 ปี
ที่ประสบความสำเร็จก็เช่นกุนแขมร์ ที่ฮุน มานา ลูกสาวดูแลในนามทีวีบายนจนประสบความสำเร็จอยู่ในกระแสความรู้สึกของประชาชน
ส่วนฮุน มานี ลูกชายอีกคน ก็ดูแลโปรเจ็กต์สงกรานต์เขมรที่กลายเป็นอัตลักษณ์วัฒนธรรมปัจจุบันของปีใหม่เขมรหรือ “โจลฉนำ-สงกรานต์” โดยเฉพาะในภาคตะวันตกของประเทศ
ทั้ง 2 อย่างได้กลายเป็นมูลค่ารายได้ให้แก่องค์กรบริษัทตระกูลฮุนมานานในภาคส่งเสริมกีฬาและการท่องเที่ยว
ดูเหมือนสมเด็จฮุน เซน จะอาศัยอำนาจอ่อนราวกับนี่คือยุทธการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่า ความนิยมในหมู่ประชาชนและคนรุ่นใหม่ๆ
ขณะเดียวกันผลผลิตเหล่านั้นก็สร้างความมั่งคั่งตระกูลฮุนไปพร้อมกัน
แต่ใครเลยจะนึกว่า อำนาจอ่อนที่บ่มเพาะระบอบฮุนเซนมาอย่างแข็งแกร่งในวันนั้น มาถึงวันนี้ เจ้าของฉายา “strongman” แคมโบเดียสมเด็จฮุน เซน จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนยืนอยู่บนปากเหว
ฤๅความหอมหวานในอดีตจะสิ้นสุดลงแล้ว? ต่อการเล่นแร่แปรธาตุทำมาหากินทางนโยบายการเมืองยาวนานถึง 2 ทศวรรษกาลกำลังจะเปลี่ยนไป
เมื่อ “เมกาดีล” หลายโครงการได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
โดยเฉพาะเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนหันไปลงทุนด้านความมั่นคงด้วยเม็ดเงินเกือบทั้งหมดที่ฐานทัพเรือเรียม/กำโปดเป็นอันดับแรก แลเลือนรางว่า ปักกิ่งจะไม่ผลักดันตลาดการค้าเสรีที่กัมพูชาหรือภูมิภาคนี้ต่อไป เว้นแต่จะมีความจำเป็นซึ่งฮุน เซน เองก็รู้ดี
ดังนี้ การปิดสื่ออิสระอย่าง “วีโอดี” (เสียงประชาธิปไตย) และการตัดสินจำคุก 27 ปีในคดีการเมืองนายกึม สกขา อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงคือคำตอบ
และเผยให้เห็นว่า ฮุน เซน รู้ดีว่า ระบบอำนาจที่ขึ้นกับตนผู้เดียวนั้นอาจเป็นจุดอ่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จำต้องเดินหน้า โดยจะเห็นว่า เมื่อนอมินีภาคเอกชนจำนวนมากที่ประสบชะตากรรมทางธุรกิจหลังจากท่อน้ำเลี้ยงทุนจีนเหือดแห้งลง ทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมหภาคตระกูลฮุนโดยทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงของการกระโจนเข้ามาเป็นเจ้าภาพกีฬาแห่งอาเซียนครั้งนี้ คือการที่ระบอบฮุนเซนเคยชินแต่การเป็นผู้รับบริจาคและขาดประสบการณ์ “ใจถึง” ลงทุนด้วยตัวเอง
ไม่เท่านั้น การเป็นเจ้าภาพมหกรรมซีเกมส์ครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนการชุบชูบูชาลัทธิชาติ ชูชาตินิยมสุดโต่ง บนเส้นทางลัดสายนั้นที่ช่างเรียบง่ายในการมอมเมาประชาชน
แต่แล้ว พลัน คลื่นวัฒนธรรมใหม่ดังที่เขาเคยเรียกมันว่า “ปฏิวัติสี” หรือ “พลเมืองอภิวัฒน์” ที่สมเด็จฮุน เซน หวาดกลัวมาตลอด สำหรับความหวาดระแวงต่อการเคลื่อนไหวในหมู่ยุวชนรุ่นใหม่ที่อยู่ในกระแสเสรีนิยมสังคมไทยได้ปรากฏขึ้นที่พนมเปญ
มันได้พิสูจน์คาตาว่า การอดอาหารประท้วงของเด็กสาว 2 คนที่กรุงเทพฯ ที่ไม่ควรจะเกี่ยวข้องใดๆ กับหนุ่มสาวเขมรกลุ่มใด แต่มันกลับสั่นสะเทือนไปถึง
เมื่อเธอเขายุวชนรุ่นใหม่พากันไปนั่งสมาธิ (แทนยืนหยุดขัง) ที่หน้าสถานทูตไทยกรุงพนมเปญ เพื่อแสดงออกในวันสตรีสากล (8 มีนาคม)
ยกย่องบทบาทการต่อสู้ของ “แบม-ตะวัน” เด็กสาวไทย 2 คนที่อดอาหารยาวนานมากว่าครึ่งร้อยวัน
การปักหมุดการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ “ปฏิวัติสี” ที่เขมรนี้ กำลังทำให้สมเด็จฮุน เซน คลั่งเสียยิ่งกว่าวิวาทะกุนแขมร์ซะอีก
เพราะมันคือ ซอฟต์เพาเวอร์ที่สุดจะร้ายกาจ และหากแฝงเข้าไปอยู่ในธาตุทางความคิดชาวเขมรรุ่นใหม่แล้ว มีแต่จะส่งผลสั่นสะเทือนต่อระบอบฮุน เซน ได้
และเขาไม่อยากจะเห็นมัน!
เพื่อปิดจุดอ่อนที่ว่า การหยุดยุติประเด็นซอฟต์เพาเวอร์ใดๆ กับไทยน่าจะสกัดไม่ให้ผลไม้พิษทางความคิดด้านการแสดงออกของเยาวชนไทยที่นับวันมีแต่จะส่งกระแสพลเมืองโต้กลับ ขยายตัวที่พนมเปญ
โดยเฉพาะทักษะอันร้ายกาจของ “ปฏิวัติสี” ในหมู่พลเมืองไทยที่ใช้ตอบโต้ “รัฐอำนาจ” ในทุกรูปแบบกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้ทุกชั้นเชิงใดๆ ควรจะยุติลง
และถอยไป-กุนแขมร์!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022