Kull the Conqueror

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

โฮเวิร์ด อี โรเบิร์ต เขียนเรื่องคิงคัล หรือคัลแห่งแอตแลนติส (King Kull, Kull of the Atlantis) ก่อนเรื่องโคแนน เขาเขียนไว้หลายเรื่องแต่ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Wired Tales ช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่เพียง 3 เรื่อง เรื่องแรกคือ “The Shadow Kingdom” เมื่อปี 1929

โฮเวิร์ดหยุดเขียนคิงคัลแล้วหันมาเขียนโคแนน เรื่องโคแนนตีพิมพ์ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ 18 เรื่อง เรื่องแรกคือ The Phoenix on the Sword ตีพิมพ์เมื่อปี 1932 อะไรหลายอย่างที่เขาเคยเขียนในคิงคัลรวมทั้งที่ยังมิได้เขียนถูกนำมาเขียนใหม่ในโคแนนแห่งยุคไฮบอร์เรียน

คิงคัลอยู่ในยุคแอตแลนติสซึ่งกำหนดให้เป็น 100,000 ปีก่อนคริสตกาล เขามีความเป็นมาอย่างไร เนื้อหาแตกต่างจากโคแนนอย่างไร เรามาอ่านการ์ตูนด้วยกัน

การ์ตูนคิงคัลยุคแรกเขียนโดยพี่น้อง Marie Severin และ John Severin เมื่อปี 1971 รอย โทมัส อีกเช่นเดิมเขียนเรื่องคิงคัลให้มาร์เวลต่อมาอีกมากมาย เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Kull the Conqueror

เนื้อหาต่อไปนี้ได้มาจากหนังสือรวมเล่มปกแข็ง Kull the Destroyer ของมาร์เวล หนานิ้วครึ่ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม แบกไปไหนลำบากเพราะหนักอึ้ง

เรื่องแรกเลย The Skull of Silence!

รอย โทมัส เขียนจากเรื่องสั้นของโฮวิร์ดเมื่อมีนาคม 1971 สแตน ลี บรรณาธิการ บทบรรยายเปิดเรื่องดังนี้ “ก่อนที่แอตแลนติสจะล่มลงไปในมหาสมุทร ก่อนจะถึงยุคไฮบอร์เรียน บุรุษหนึ่งคือคิงคัลควบม้างามสง่านำหน้ากองทหารลาดตระเวนของเขา เขาคือราชาแห่งวาลูเซีย”

คานู ทูตแห่งพิกต์ซึ่งเป็นสหายต่างแดนของคัลตีม้าขึ้นมาเคียงคู่ราชาแล้วถามว่ามีอะไรหนักใจ คัลตอบว่า “แม้ท่านจะเป็นคนเถื่อนต่างแดนแต่ช่างมีดวงตาคมกริบดั่งมีดเฉือนใจข้า” คัลในวัยกลางคนพูดต่อไปว่า “น้ำหนักของมงกุฎที่ข้าสวมนั่นแหละคือน้ำหนัก”

คัลพูดต่อไปว่า “ข้ามีทุกอย่างก็จริงแต่ไม่แน่ว่ามันทำให้ข้าเป็นสุข”

คานูจึงว่า “ใครพูดเรื่องความสุข ท่านมีความรับผิดชอบต่างหาก”

ในขณะที่โคแนนดูเหมือนจะฟาดฟันไปทั่วเอาความมันเป็นที่ตั้ง เนื้อหาสำคัญคือช่วยเหลือผู้ด้อยกว่าหรือผู้ถูกกระทำ จะว่าไปคิงคัลมีธีมของเรื่องที่ชัดเจนมากกว่า เขาเริ่มจากชายหนุ่มที่เติบโตมากับสัตว์ป่าจนได้เป็นราชาแห่งแคว้นที่ยิ่งใหญ่

แต่กลับถามตนเองอยู่เสมอๆ ว่าพระราชามีหน้าที่อะไรกันแน่

ทันใดนั้น กองทหารหยุดชะงัก ข้างหน้าเป็นปราสาทตั้งบนหน้าผาเหมาะแก่การเป็นที่พักแรม แต่ทหารผู้หนึ่งออกปากห้ามไว้ เพราะที่นั่นเป็นที่ที่พ่อมดรามากักขัง “ความเงียบ” แล้วปิดผนึกเอาไว้ห้ามผู้ใดเปิดออกเป็นอันขาด

คัลไม่ฟัง ควบม้านำหน้าไปแต่ผู้เดียว คานูควบตามพลางกล่าวเตือนให้คำนึงถึงสถานะพระราชาที่ต้องกลับไปดูแลอาณาจักร แต่คิงคัลว่าพระราชาจะเป็นพระราชาได้อย่างไรหากถูกพันธนาการ วันนี้เขาจะเป็นคัลคนเถื่อนอีกครั้งหนึ่ง

ว่าแล้วคิงคัลเงื้อดาบฟันป้ายคำเตือนของรามาที่ปิดประตูอยู่ขาด พลันที่ประตูเปิดออกความเงียบก็จู่โจมทันที ดาบร่วงจากมือคัล ทุกคนเอามือปิดหู! หรือว่านี่คือความเงียบที่เหลือทน

จากนั้นคัลมองเห็นเส้นสายของความเงียบยื่นมารัดคอเขาและหมายจะเอาให้ตาย เขาเห็นฆ้องใบหนึ่ง ที่แท้พ่อมดรามาได้ทิ้งฆ้องสีน้ำทะเลไว้ เหตุเพราะทะเลไม่เคยเงียบ คัลคว้าไม้พลองใหญ่ตีฆ้องไปหนึ่งครั้ง แม้ไม่มีเสียงแต่เส้นสายความเงียบนั้นคลายตัว คัลตีซ้ำลงไปอีกหลายครั้งจนเส้นสายนั้นถอยไปแต่ทันใดมันพุ่งเข้ามารัดคอคัลด้วยพละกำลังมากกว่าเดิม ครั้งนี้มันมีสีแดงเห็นได้ชัดและสัมผัสได้

คัลเหวี่ยงไม้พลองสุดกำลังอีกครั้งหนึ่งจนฆ้องแตกกระจาย ความเงียบกรีดร้องแล้วปล่อยคัล

คัลถอยออกนอกปราสาทแล้วลั่นดาลประตูในทันทีพลางประกาศว่า “ด้วยคำสั่งของพระราชา ห้ามผู้ใดเปิดประตูบานนั้นอีก”

มงกุฎของเขาตกบนพื้น เป็นเขาเองที่ถอดขว้างทิ้งด้วยความเดือดดาลก่อนบุกเข้าไปพบความเงียบ เขาก้มลงหยิบมงกุฎขึ้นมาสวมใหม่ ตอนนี้มันไม่หนักเท่าเดิม

ทำไมถึงไม่หนักเท่าเดิม เพราะได้ออกแรงแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเหมือนครั้งเป็นคนเถื่อน หรือเพราะรู้ว่าโลกยังมีศัตรูที่แม้ราชาก็เอาชนะไม่ได้ หรือเพราะระลึกได้ว่าตนเองมีประกาศิตมากเพียงใด

เรามาตรวจประวัติของคิงคัลกันในเรื่องที่สอง A King Comes Riding! มิถุนายน ปี 1971 รอย โทมัส เขียนเรื่องเอง สแตน ลี บรรณาธิการ

คิงคัลนำทัพใหญ่กลับเข้าเมือง กองทหารมหึมาธงทิวสีสันสดใสเสียงแตรคึกคักประชาชนโห่ร้อง แต่คัลกลับได้ยินเสียง “ช่างน่าละอาย คนเถื่อนจากแอตแลนติสเป็นกษัตริย์ นำความเสื่อมเสียมาสู่วาลูเซีย”

เสียงนั้นไม่ชัดเจนอาจจะเป็นเสียงจากจิตใจของเขาเอง แต่มีเสียงร้องเพลงจากวณิพกคนหนึ่งชัดเจนว่าเขาเป็นจอมลวงโลก ที่แท้วณิพกมิใช่วณิพก แต่เป็นอดีตผู้ร่วมก่อการหมายชิงบัลลังก์วาลูเซียจากราชาคนก่อนแต่ล้มเหลว ชะตาพามงกุฎไปสวมบนหัวของคิงคัลแทน

เมื่อคัลนั่งบัลลังก์ อำมาตย์แจ้งว่ามีนักรบจากพิกต์มาขอเข้าเฝ้า ปัญหาคือนักรบนั้นไม่ยอมวางอาวุธก่อนเข้าพบมิหนำซ้ำขอพบเพียงลำพัง มีหรือคัลจะกลัวคำท้าทายเช่นนี้ เขาไล่ทหารทุกคนออกไปแล้วเผชิญหน้านักรบหนุ่มที่ยืนตัวตั้งตรงเหมือนหอกที่ถือ “ข้าชื่อบรูเล่ ท่านคานูขอเชิญท่านไปพบตามลำพัง”

“บังอาจ!” หยามหนึ่งยืนถือทวนไม่วางอาวุธ หยามสองพิกต์เป็นเพียงชนเผ่าเถื่อนกล้าเรียกพระราชาไปพบ ว่าแล้วคัลหวดดาบฟาดลงบนบรูเล่แต่เพียงเพื่อขู่เข็ญ

ปรากฏว่านักรบหนุ่มยังคงถือทวนนิ่งตาไม่กะพริบ “ได้ บอกคานูข้าจะไปดื่มด้วยคืนนี้”

บรูเล่ตอบว่า “จะดวลเมื่อไรบอกได้ทุกเมื่อ” แล้วจากไป

ความอาจหาญของบรูเล่นำความคิดคำนึงของคิงคัลกลับไปครั้งยังหนุ่มแน่นพเนจรในป่าเขา ที่แท้เขาเติบโตมากับเสือโคร่ง เขาเป็น feral child พูดไม่ได้จนกระทั่งเผ่าซีเมาเท่นมาพบและเอาไปเลี้ยง หมอผีปลุกเสกเขาขึ้นมาใหม่ให้เป็นคนและมีเสือโคร่งเป็นสัตว์ประจำตัว

วันหนึ่งเขาไปพบหญิงสาวกำลังจะถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าทหารกองหนึ่งและชาวบ้านที่มามุงดู

คัลด้วยพลังของเสือขว้างมีดสั้นจากระยะไกลสังหารหญิงสาวนั้นตายทันที

เขาพุ่งหลาวหนีกองทหารลงทะเลแต่ถูกเอาขึ้นจากน้ำด้วยโจรสลัดแห่งเลมูเรียน

เขาเป็นทาสฝีพายสองปีรอวันเรือล่มแล้วตายไปพร้อมกัน

วันหนึ่งเขาหนีได้ว่ายขึ้นฝั่งที่วาลูเซีย ถูกจองจำแล้วไถ่ตัวเองออกมาเป็นแกลดิเอเตอร์ในสนามประลอง

เข้าประจำการเป็นทหารแล้วเลื่อนชั้นเป็นนายทัพชั้นหนึ่งของกษัตริย์บอร์นาแห่งวาลูเซียในที่สุด

ขุนนางส่วนหนึ่งสมคบคิดยุยงให้คัลกับคิงบอร์นาแตกคอกัน คัลสังหารบอร์นาตาย แล้วก่อนที่พวกขุนนางชั่วร้ายจะเคลื่อนไหว จู่ๆ เขาก็หยิบมงกุฎที่พื้นขึ้นมาสวมหัวตัวเองสถาปนาตนเองเป็นราชา

คัลผู้พิชิตเคยสร้างเป็นหนังปี 1997 Kull the Conqueror นำแสดงโดยเควิน ซอร์โบ แต่นำเนื้อเรื่องมาจากนวนิยายตอนหนึ่งของโคแนน หนังที่สร้างจากงานเขียนของโฮเวิร์ดนี้ตลกดี

ครั้งหน้าพบกับโคแนนเรื่องสุดท้ายที่ตีพิมพ์ในช่วงที่โฮเวิร์ดมีชีวิตอยู่ ซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นหนังปี 1984 Conan the Destroyer โดยเอาแค่ชื่อนางเอกของโคแนนมาใช้ แต่ใช้เนื้อเรื่องของคัลมาเดินเรื่องแทน •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์