ทำไมหญิงและชายคลั่งไคล้การมีกล้ามโต

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน | พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

ทำไมหญิงและชายคลั่งไคล้การมีกล้ามโต

 

ซีรีส์ Physical : 100 หรือ ร้อยแกร่งแข่งอึด เรียลลิตี้ ของเกาหลีที่ดัดแปลงจาก สควิดเกม กำลังมาแรงมากในตอนนี้ เขานำหญิงและชายแกร่ง 100 คนที่มีร่างกายฟิตสุดขีดมาแข่งขันเกมที่ทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย เพื่อชิงเงินรางวัล 300 ร้อยล้านวอน หรือ 8 ล้านบาท

หญิงและชายที่เข้าแข่งขัน คือคนที่แข็งแรงจากหลายสาขาอาชีพ มีทั้งอดีตนักยิมนาสติกระดับเหรียญทองโอลิมปิก นักเพาะกาย หรือยูทูบเบอร์สายออกกำลัง

ใครที่ดูซีรีส์ Physical : 100 ก็อดไม่ได้ที่อยากจะมีรูปร่างที่ดีมาก หรือมีกล้ามใหญ่เหมือนผู้เข้าแข่งขัน

 

ร่างกายของมนุษย์มีกล้ามเนื้อมากกว่า 600 มัด คิดเป็น 40% ของน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวร่างกายของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ช่วยให้ระบบอวัยวะภายในต่างๆ ทำงานเป็นปกติ การเผาผลาญดีเยี่ยม

ยิ่งคนที่เป็นนักกีฬาหรือทำงานประเภทต้องใช้พละกำลังสูง การสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงก็ยิ่งมีความจำเป็นต่อพวกเขามากขึ้น

วิธีสร้างกล้ามเนื้อก็คือการกินอาหารเน้นโปรตีน ออกกำลังกาย สลับกับการพักผ่อนร่างกายเยอะๆ

 

ปัจจุบันไม่เพียงแต่นักกีฬา นักเพาะกาย หรือคนที่ทำงานเฉพาะทางเท่านั้นที่จะหันมาสร้างกล้ามเนื้อ เพราะคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราจึงเห็นเพื่อนๆ และคนรู้จักเริ่มออกกำลังกายให้หุ่นดี เพิ่มกล้ามเนื้อกันจนเป็นเรื่องปกติ บางคนทำเพราะต้องการมีสุขภาพดี

แต่เป้าหมายหลักของหลายๆ คนก็เพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง เนื่องจากสังคมปัจจุบันให้ความสำคัญกับคนมีกล้ามกันมาก

 

มีงานวิจัยหลายชิ้นพยายามทดสอบหาเหตุผลแท้จริงว่าทำไมผู้หญิงและผู้ชายจึงคลั่งไคล้การมีกล้ามใหญ่ๆ ก็ได้ค้นพบเหตุผลที่น่าสนใจหลายประการ

เหตุผลหนึ่งและน่าจะเป็นเหตุผลหลักก็คือคนมีกล้ามดูเซ็กซี่

งานวิจัยของเดวิด เฟรเดริก (David A. Frederick) กับ มาร์ตี้ เฮเซลตัน (Martie G. Haselton) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ให้ผู้หญิง 141 คนเลือกจัดลำดับคะแนนรูปร่างผู้ชายแบบต่างๆ ที่ตัวเองมองว่าเซ็กซี่ จาก 1 ถึง 9

ปรากฏว่าผู้ชายรูปร่างสมส่วน กล้ามโต (Built) ได้คะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด 6.97 คะแนน

อันดับ 2 คือผู้ชายรูปร่างผอม เห็นกล้ามชัด (Toned) ได้ 6.87 คะแนน

อันดับ 3 ตัวใหญ่ๆ กล้ามเน้นๆ แบบนักเพาะกาย (Brawny) 6.37 คะแนน

อันดับ 4 รูปร่างผอมบาง (Slender) 5.42 คะแนน

อันดับ 5 รูปร่างสมส่วน (Typical) 4.28 คะแนน

อันดับ 6 รูปร่างจ้ำม่ำ (Chubby) 2.95 คะแนน

 

ในงานศึกษาอีกส่วนหนึ่งพบว่า คู่กุ๊กกิ๊กแบบระยะสั้นของผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่มีกล้ามใหญ่กว่าคู่รักคนอื่นๆ ของพวกเธอ

งานศึกษาอธิบายว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ยินยอมจะมีสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กระยะสั้นกับผู้ชายที่มีกล้ามโต โดยไม่ต้องไปสนใจคุณสมบัติอื่นที่จำเป็นในการครองรักระยะยาว อย่างเช่น ความน่าไว้วางใจ trustworthiness ความผูกพันทางอารมณ์ emotional intimacy หรืออะไรอื่นๆ

ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะผู้ชายที่มีกล้าม มีร่างกายแข็งแรง แสดงให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านี้มีพันธุกรรมที่แข็งแรง เหมาะกับการกุ๊กกิ๊ก

 

จากนั้นนักวิจัยไปสอบถามกลุ่มผู้ชายรูปร่างต่างๆ ถึงประสบการณ์กุ๊กกิ๊กในอดีต พบว่าผู้ชายที่มีกล้ามมีประสบการณ์กุ๊กกิ๊กเป็นจำนวนมากกว่าผู้ชายรูปร่างอื่นๆ

นักวิจัยตั้งสมมุติฐานว่าที่ผู้ชายมีกล้ามได้กุ๊กกิ๊กจำนวนมากที่สุดนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำให้กล้าเข้าหาคนที่ตัวเองอยากกุ๊กกิ๊กหรือเปล่า

ปรากฏว่าไม่ใช่เลย

ผู้ชายมีกล้าม ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองหรือไม่ ก็มีจำนวนการกุ๊กกิ๊กเยอะกว่ากลุ่มอื่นอยู่ดี ซึ่งเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกล้วนๆ

 

สุดท้ายนักวิจัยถามผู้ชายแต่ละกลุ่มว่าเคยแอบกุ๊กกิ๊กกับผู้หญิงที่มีแฟนหรือสามีอยู่ในขณะนั้นเป็นจำนวนกี่ครั้ง

คำตอบที่ได้คือ กลุ่มผู้ชายมีกล้ามได้กุ๊กกิ๊กกับผู้หญิงที่กำลังคบแฟนหรือมีสามีอยู่แล้วเป็นจำนวนมากที่สุด

ในงานศึกษาหนึ่งเมื่อปี 2018 พบว่าผู้ชายกล้ามโตมีจำนวนการได้กุ๊กกิ๊กมากกว่าผู้ชายที่หล่อกระชากใจ

นักวิจัยได้ทำการถ่ายวิดีโอสั้นๆ ของอาสาสมัครผู้ชายจำนวน 157 คนที่มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน จากนั้นก็เปิดวิดีโอให้ผู้ชายอีกกลุ่มดู แล้วให้วิเคราะห์แนวโน้มว่าอาสาสมัครในวิดีโอนี้จะมีโอกาสต่อสู้ชนะอาสาสมัครอีกคนมากน้อยขนาดไหน

วิดีโอจำนวน 157 คลิปนี้ได้นำไปให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดู แล้วให้คะแนนความดึงดูดทางเพศด้วยเช่นกัน

18 เดือนต่อมา นักวิจัยให้อาสาสมัครชายทั้ง 157 คนในคลิปตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับประสบการณ์กุ๊กกิ๊กในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา และก็ได้คำตอบว่าอาสาสมัครที่ได้รับคะแนนความแข็งแกร่งสูงในสายตาของผู้ชาย มีประสบการณ์กุ๊กกิ๊กเป็นจำนวนที่มากกว่าอาสาสมัครซึ่งได้รับคะแนนความดึงดูดทางเพศสูงในสายตาผู้หญิง

 

สรุปง่ายๆ ก็คือ ผู้ชายมีกล้ามใหญ่ แข็งแรง ถึงแม้จะไม่หล่อกระชากใจ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการกุ๊กกิ๊กมากกว่าใคร

ซึ่งอันที่จริงแล้ว นักจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการจำนวนหนึ่งเคยกล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ความมีอำนาจ dominance ช่วยให้ผู้ชายประสบความสำเร็จในการกุ๊กกิ๊กมากกว่าความมีหน้าตาดึงดูด attractiveness มาเป็นเวลานานแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น เครา beards เรื่องนี้เสียงผู้หญิงค่อนข้างแตกไปคนละทางว่าคนมีเครานั้นเรียกว่าน่าดึงดูดหรือไม่

ผู้หญิงบางคนนิยมผู้ชายมีเครา แต่บางคนไม่ชอบ อีกส่วนหนึ่งบอกว่าขึ้นอยู่กับหน้าตาของแต่ละบุคคล แต่ที่ชัดเจนเลยคือผู้ชายด้วยกันเองมองผู้ชายที่มีเคราว่าดูน่าเกรงขามกว่าผู้ชายที่หน้าเกลี้ยงเกลา

หรือจะเป็นเรื่องน้ำเสียงที่เข้ม ผู้หญิงมักจะคิดว่าผู้ชายที่มีเสียงเข้ม เสียงทุ้ม มีเสน่ห์ดึงดูด แต่ผู้ชายด้วยกันจะมองว่าเป็นคนที่ดูน่าเกรงขาม

 

ความจริงก็คือ คุณสมบัติต่างๆ ที่ผู้ชายพยายามสร้าง พยายามพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีหนวดเครา ทำเสียงเข้ม หรือเรื่องการมีกล้ามโตๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากแรงบันดาลใจเพื่อจะทำให้เป็นที่สนใจของสาวๆ แต่ทำเพื่อให้ผู้ชายด้วยกันเห็นแล้วรู้สึกเกรงขามมากกว่า

นี่เป็นสิ่งที่ ดร.เดวิด พุตส์ (Dr. David Puts) ค้นพบในงานศึกษาเมื่อปี 2010