ส.ว. ชี้เสนอแก้รัฐธรรมนูญ นายกฯ 8 ปี เป็นเพียงข้อศึกษา ไม่ได้เอื้อ ‘ตู่’ ชี้หาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ได้เป็นก็อยู่ยาว สุดท้ายอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ

16 ม.ค. 2566 – ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนของวุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุมกรรมาธิการพรุ่งนี้

หนึ่งในวาระการพิจารณาเรื่องรายงานการปฏิรูปประเทศ และรายงานจากสถาบันพระปกเกล้าเรื่องการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งประเด็นการแก้มาตรา 158 เรื่องวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีนายกรัฐมนตรี มาตรา 159 เรื่องคุณสมบัตินายกฯต้องมาจาก ส.ส. และมาตรา 272 เกี่ยวกับยกเลิก ส.ว. ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี หรือเรื่องการแก้ปัญหาองค์ประชุมสภาล่ม โดยจะศึกษาทุกประเด็น ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา

ประเด็นการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ได้เจาะจงหรือเอื้อประโยชน์แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเพียงประเด็นการศึกษาและนำสู่สาธารณะ เพื่อแสดงความเห็นการวิพากษ์วิจารณ์จากนักการเมืองและประชาชน โดยยังไม่ได้มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญเวลานี้ ซึ่งเห็นว่ากระบวนการแก้ไม่ได้ดำเนินการได้โดยง่าย เพราะมีขั้นตอนตามที่เงื่อนไขกำหนดไว้ทั้งเสียงวุฒิสภาเห็นชอบ 1 ใน 3 รวมถึงเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายค้านร้อยละ 20

การจะแก้ให้เป็นประโยชน์กับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งไม่ได้เสนอเพื่อแก้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เพียงผู้เดียว เพราะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าผลจะเป็นอย่างไร พรรคไหนจะได้ ส.ส. เท่าไหร่

นายเสรี กล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นตัดอำนาจ ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ คุณสมบัตินายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. ตามร่างแก้ของพรรคเพื่อไทยนั้น จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เพราะยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ตนเชื่อว่าข้อเสนอนั้นเป็นประเด็นสำหรับการหาเสียงของพรรคการเมือง สร้างความด่างพร้อยให้วุฒิสภา สร้างปัญหาให้รัฐบาล

ตนเห็นว่าเป็นสิทธิแต่ละพรรคการเมือง หากจะนำเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแก้วาระ 8 ปี นายกฯ เป็นนโยบายหาเสียง สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือก มีทั้งคนที่ชอบไม่ชอบ ตนมองว่าทุกพรรคการเมืองได้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประโยชน์คนเดียว เพราะหาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ ก็สามารถที่จะเป็นได้ยาวเช่นกัน