มาใช้จันทน์ลีลา ยาพาราเซตามอลไทย ในสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่กันเถอะ

พลันเมื่อรัฐบาลจีนสั่งปลดล็อกประเทศ ชาวจีนนับร้อยล้านคนก็เริ่มทะลักจากแผ่นดินใหญ่หลั่งไหลไปทั่วโลก รวมทั้งเสียมหลอก๊กไทยแลนด์แดนสวรรค์แห่งการท่องเที่ยวด้วย

แต่การท่องเที่ยวหลังปลดล็อกโควิดนั้น เป็นการท่องเที่ยวที่เรียกขานกันขำๆ ว่า “การท่องเที่ยวแบบล้างแค้น” (Revenge Tourism) เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ถูกล็อกดาวน์ไม่ได้ไปเที่ยวไหนซะหลายปี (ฮา)

แต่ที่ขำไม่ออกก็คือ นักท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับโควิดรอบใหม่ ทำเอายาพื้นฐานสำหรับแก้อาการปวดหัวตัวร้อน เช่น ยาพาราเซตามอล เริ่มขาดตลาด

จึงเป็นโอกาสของยาสมุนไพรไทยได้เป็นทางเลือกในช่วงยาฝรั่งขาดแคลน

นาทีนี้ยาไทยโดดเด่นที่สุดที่จะเป็นตัวเลือกแทนพาราเซตามอล คือ ยาจันทน์ลีลา

ซึ่งสมุนไพรหลักทั้ง 9 ตัวในสูตรตำรับนี้ ได้แก่ โกฐสอ โกฐเขมา โกฐจุฬาลัมพา แก่นจันทน์ขาว แก่นจันทน์แดง ลูกกระดอม เถาบอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก และพิมเสน ล้วนมีงานวิจัยระบุสารออกฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ ต้านการอักเสบ ที่ตอบโจทย์แทนยาฝรั่งและปลอดภัยกว่าด้วย

โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้สนับสนุนทุนวิจัยให้ 2 สถาบันที่มีชื่อเสียงคือ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาฤทธิ์แก้ปวด ต้านการอักเสบ และแก้ไข้ของตำรับจันทน์ลีลา

พร้อมกับศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันและพิษกึ่งเรื้อรังของตำรับยาจันทน์ลีลา

ทำให้งานวิจัยตำรับยาจันทน์ลีลาสมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือ มีครบทั้งงานวิจัยด้านฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และงานวิจัยด้านพิษวิทยา

 

ผลของการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าสารสกัดตำรับยาจันทน์ลีลามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แก้ปวด และแก้ไข้ โดยมีฤทธิ์ต้านการอักเสบเฉียบพลันของตำรับยาจันทน์ลีลา ให้ผลใกล้เคียงกับยามาตรฐานฟีนีลบูตาโซน (phenylbutazone) และมีฤทธิ์ยับยั้งความเจ็บปวด ได้ผลดีกว่ายามาตรฐาน แอสไพริน และยังมีฤทธิ์ลดอุณหภูมิร่างกายได้ดี

นอกจากนี้ สารสกัดตำรับยาจันทน์ลีลายังมีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นพิษข้างเคียงของยาแอสไพริน

ส่วนการศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรัง พบว่าการใช้ตำรับยาจันทน์ลีลาในขนาดที่ใช้รักษาตามฉลากยา ไม่ก่อให้เกิดพิษเฉียบพลันและพิษกึ่งเรื้อรังแต่อย่างใด

ยิ่งกว่านั้นยังมีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของยาจันทน์ลีลากับยาพาราเซตามอล ในการลดอาการไข้หวัด ในผู้ป่วยจำนวน 76 คน ที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี จังหวัดหนองคาย

โดยมีหลักการและเหตุผลว่า การใช้ยาพาราเซตามอล อาจมีพิษต่อตับถึงตายได้ จึงนำยาจันทน์ลีลาเปรียบเทียบกับยาพาราเซตามอลในการลดอาการไข้หวัด เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลทางคลินิกในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยา และลดอัตราการใช้ยาแผนปัจจุบัน

ได้ข้อสรุปว่า การใช้ยาจันทน์ลีลาสามารถลดอาการไข้หวัด และลดอาการที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

การใช้ยาจันทน์ลีลาและยาพาราเซตามอลไม่มีความแตกต่างกันในด้านการรักษาอาการ แต่ไม่พบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และภาวะแทรกซ้อนหลังการใช้ยาจันทน์ลีลา

ยังจำได้ว่าเมื่อ 5 ปีก่อนเกิดโควิดระบาด ทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ปิ๊งไอเดียจะนำยาจันทน์ลีลามาใช้เป็นทางเลือกแทนยาพาราเซตามอลและยาแอสไพริน โดยออกมาแถลงข่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

“ปัจจุบันเมื่อคนป่วยเป็นไข้ นิยมใช้ยาพาราเซตามอลในการรักษา แต่การใช้ยาพาราเซตามอลในขนาดที่สูงเกินไป จะทำให้กลูตาไทโอน ซึ่งเป็นกลไกกำจัดพิษในตับหมดไปด้วย ส่งผลให้พาราเซตามอลส่วนเกินทำลายเนื้อตับ และจากการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบว่าการใช้พาราเซตามอลในขนาดที่มากเกินไป เป็นสาเหตุของภาวะตับวายเฉียบพลัน ส่วนยาแอสไพรินที่ใช้ในการลดไข้อีกตัวก็จะกัดกระเพาะ”

“ทั้งนี้ จากการที่ประชาชนนิยมหันมาใช้ยาสมุนไพรเป็นทางเลือกในการรักษามากขึ้น อภ.จึงมีการพัฒนายาตำรับ ‘จันทน์ลีลา’ ที่เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติในรูปแบบยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการไข้ ตัวร้อน และไข้เปลี่ยนฤดู เพื่อใช้เป็นทางเลือกทดแทนการใช้ยาพาราเซตามอล เพราะสมุนไพรไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะมีกระบวนการขับออกไปได้เอง ไม่เป็นพิษต่อตับ”

สำหรับวิธีใช้ยานั้น ในผู้ใหญ่ให้กิน 2-4 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ

ส่วนในเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี ให้กินครั้งละ 1-2 เม็ด

และในกรณีหญิงที่มีไข้ทับระดูหรือไข้ระหว่างมีประจำเดือนก็แนะนำให้ใช้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกกินยานี้ เนื่องจากอาจบดบังอาการของไข้เลือดออก และหากกินยาเป็นเวลา 3 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์

ในช่วงต้อนรับ “การท่องเที่ยวแบบล้างแค้น” ซึ่งโควิดได้กลับมาล้างแค้นรอบใหม่ จึงเป็นจังหวะเหมาะที่ยาไทยตำรับดั้งเดิม ชื่อ ยาจันทน์ลีลาสู้ภัยโควิด ได้เช่นกัน •

 

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org