ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
อิหร่านปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยการตกรอบแรกไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังทิ้ง “ประเด็น” ให้กล่าวถึงอยู่
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา อัลจาซีราห์ รายงานว่าทีมฟุตบอลของอิหร่านไม่ร้อง “เพลงชาติ” ในเกมนัดแรกที่แข่งขันกับอังกฤษ
เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ประท้วงในอิหร่าน
เป็นการประท้วงหลังการเสียชีวิตของ น.ส.มาซา อามีนี วัย 22 ปีจากเมืองเคอร์ดิสถาน
เธอถูกตำรวจศีลธรรมกรุงเตหะรานจับกุมข้อหาแต่งกายไม่สุภาพ โดยไม่ยอมสวมฮิญาบ
มีการกล่าวหาว่า ระหว่างการจับกุม เจ้าหน้าที่ทุบตีศีรษะของเธอด้วยกระบอง และจับศีรษะเธอกระแทกกับรถยนต์ระหว่างกำลังควบคุมตัวไปสถานกักกันเพื่อรับการอบรม
จนทำให้อามีนีอยู่ในอาการโคม่านาน 3 วัน และเสียชีวิตลงในวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา
ทางการอิหร่านอ้างว่าเธอ “หัวใจล้มเหลว”
แต่ครอบครัวของ น.ส.มาซา อามีนี ยืนยันว่าเธอมีร่างกายและสุขภาพแข็งแรง
หลังการเสียชีวิตของอามีนี
ชาวอิหร่านจำนวนมากได้ออกมาประท้วง เพื่อต่อต้านการปราบปรามอย่างรุนแรงของกองกำลังความมั่นคงอิหร่าน
ซึ่งต้องเผชิญกับการปราบปรามอย่างรุนแรงกลับเช่นกัน
นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน อ้างว่า ข้อมูลจนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 298 คน และถูกจับกุมตัวมากกว่า 14,000 คน จากการประท้วงใน 129 เมือง
ก่อนหน้านี้ ทีมนักฟุตบอลอิหร่านแสดงการสนับสนุนผู้ประท้วงมาก่อนแล้ว
โดยเมื่อปลายเดือนกันยายน พวกเขาเลือกที่จะสวมแจ๊กเก็ตสีดำเพื่อปกปิดตราสัญลักษณ์ทีมชาติในนัดกระชับมิตรกับเซเนกัล
และก่อนบินไปแข่งบอลโลกที่กาตาร์ ทีมชาติอิหร่านได้เข้าพบประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี
การพบกันครั้งนั้นสื่อรายงานว่า ไม่ราบรื่น
แน่นอนสืบเนื่องมาจากการตายของอามีนีนั่นเอง
จึงไม่เหนือความคาดหมาย ที่กรณีของอามีนีจะลุกลามไปถึงสนามฟุตบอลโลกที่กาตาร์ด้วย
แฟนบอลชาวอิหร่านที่ติดตามไปเชียร์ทีมของตนเอง ส่งสัญญาณสนับสนุนผู้ประท้วงที่บ้านเกิด
ด้วยพากันสวมเสื้อยืดที่เขียนข้อความว่า Women, life, freedom อันเป็นสโลแกนที่ใช้ในการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายหลังการเสียชีวิตของอามีนี
พร้อมกับมีการชูหมายเลข 22 ที่เป็นอายุของอามีนีในสนามด้วย
ขณะที่ทีมฟุตบอลอิหร่านตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบ ไม่ร่วมร้องเพลงชาติอิหร่าน ในนัดที่พวกเขาลงแข่งขันกับทีมอังกฤษ
ซึ่งแม้ผลการแข่งขัน อิหร่านจะพ่ายแพ้ให้กับอังกฤษ มากถึง 6 ประตู ต่อ 2
แต่ก็ได้รับการยกย่องจากฝ่ายที่ประท้วงรัฐบาลอิหร่านว่า นี่คือการแสดงถึงความเคลื่อนไหวที่กล้าหาญที่สุดของนักกีฬาดาวเด่นของประเทศ
โดยยังไม่ชัดเจนว่าซูเปอร์สตาร์เหล่านี้จะต้องเผชิญกับผลที่จะตามมาจากกรณีนี้อย่างไร
แต่ซาร์ดาร์ อัซมูน หัวหอกตัวเก่งทีมชาติอิหร่าน ยืนยันพร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในบ้านเกิด แม้อาจต้องเผชิญกับอันตรายก็ตาม
กล่าวถึงเพลงชาติในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือแสดงออกทางการเมืองแล้ว
ที่อาจไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่น่าสนใจ เมื่อคอลัมน์ “คลุกวงใน” ของ “พิศณุ นิลกลัด” ในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้
นำเสนอประเด็น “ฟุตบอลโลกกับการร้องเพลงชาติก่อนแข่ง” มาให้อ่าน
โดยเป็นผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน European Journal of Sport Science ที่แสดงว่า “…อาจทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลในแต่ละคู่ได้โดยสังเกตจากนักฟุตบอลในช่วงที่ยืนร้องเพลงชาติก่อนเริ่มแข่งขัน”
งานศึกษาชิ้นนี้ทำการวิเคราะห์นักฟุตบอลในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส
ว่าแต่ละทีมมีความจริงจังและแสดงอารมณ์ร่วมออกมามากแค่ไหนในการร้องเพลงชาติก่อนเริ่มการแข่งขัน
ทั้งการแสดงสีหน้า
พลังในการร้อง
และภาษากายที่ส่งไปยังเพื่อนร่วมทีม
เช่น ยืนกอดคอใกล้ชิดอย่างเหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือแค่สัมผัสตัวพอเป็นพิธี
จากนั้นนำมาวิเคราะห์ว่าอารมณ์ร่วมระหว่างร้องเพลงชาติส่งผลอย่างไรกับการแข่งขัน
ซึ่งผลการศึกษาเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับผลการแข่งขันอย่างไร พลิกอ่านที่หน้า 78
แล้วจะรู้ว่า “เพลงชาติ” ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง และ “ไม่การเมือง” นั้น มีแง่มุมให้พิจารณาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022