เต๋า ภูศิลป์ กับการใช้ชีวิตท่ามกลางความฝัน แต่พร้อมตื่นตลอดเวลา | รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ | กาญจนา บุนปาน

 

เต๋า ภูศิลป์

กับการใช้ชีวิตท่ามกลางความฝัน

แต่พร้อมตื่นตลอดเวลา

 

“ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความฝัน” เต๋า-ภูศิลป์ วารินรักษ์ นักร้องคนดัง บอกกับมติชนสุดสัปดาห์

ก่อนให้เหตุผลที่พูดเช่นนั้นว่า เพราะอยู่ๆ คนที่อยากเป็นนักร้อง แต่ไม่กล้าไปประกวด ไม่กล้าขึ้นเวที ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเป็นช่องทางที่สามารถนำพาโอกาสมาให้ ก็กลับมีโอกาสตกมาถึงมือ

“ผมชอบร้องเพลง มีความสุขกับการร้องเพลง แต่รู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคนร้องเพลงเพราะ ไม่ใช่คนเสียงดี ในมาตรฐานนักร้องประกวด ทุกคนเสียงดี มีวิธีการร้องเป๊ะ ผมไม่ได้เรียนแบบนั้น เพราะฉะนั้น รู้ตัวดี ว่าเราไม่ตรงเกณฑ์ตามมาตรฐานกรรมการแน่นอน”

“ไปก็ตกรอบ”

“ก็ไม่ไปให้เสียเวลา เสียความรู้สึก เพราะฉะนั้นแล้ว เอาให้มันเป็นแค่ความฝัน และความสุขที่ได้ทำมากกว่า”

แต่แล้วจู่ๆ อย่างไม่คิดไม่ฝัน ก็ได้รับการติดต่อจากแกรมมี่ โกลด์ ที่ได้เห็นคลิปเพลงที่เขาร้องและอัพลงยูทูบเรียกให้ไปพูดคุย

แล้วฝันก็กลายเป็นจริง

ตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่อยู่ในวงการ เต๋าในวัย 30 บอกว่าหลายต่อหลายครั้งเขามีโอกาสได้เจอซูเปอร์สตาร์ ได้เจอดาราในดวงใจ ซึ่งในสายตาคนทั่วไปก็ถือได้ว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน หากสำหรับเขา คนเหล่านั้น “เป็นเทวดา นางฟ้า” ความรู้สึกลึกๆ ของเขาจึงเหมือนกับ “ได้ขึ้นสวรรค์”

“ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตแบบมาไกลเกินฝัน ถึงแม้ว่าวันหนึ่งจะตกสวรรค์ พรุ่งนี้เราอาจจะตื่นก็ไม่เป็นไร เราเต็มที่และดีใจที่ได้ฝัน”

“ถือว่าเป็นฝันดีครับ” เต๋าบอกแล้วก็ยิ้ม

 

ในแง่ของงาน เต๋าบอกว่า สำหรับเขาแล้ว ทุกๆ วันคือการที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

“สำหรับผม ไม่มีคำว่าประสบความสำเร็จ”

“ไม่มีคำว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก”

ด้วยเหตุนี้ล่าสุดจึงได้ปฏิเสธบท ‘พระเอก’ ที่มีคนติดต่อมา

“บางคนมองว่าทำไมไม่กอบโกยโอกาส หลายคนมองว่าทำไมไม่รับ เป็นพระเอกเลยนะ ซึ่งก็จริงและผมขอบคุณโอกาสมากๆ แต่ถ้าเรารับโอกาสนั้นไป เราอาจจะไปทำความฝันของใครหลายๆ คนพังก็ได้ อาจจะแสดงศักยภาพในบทพระเอกได้ไม่เต็มที่ก็ได้”

“ดังนั้น ชีวิตผมไม่มีคำว่าประสบความสำเร็จอย่างที่บอก ผมมองว่าทุกๆ วันคือการเรียนรู้ วันนี้ได้มาเรียนรู้ที่ตรงนี้ พรุ่งนี้ก็ได้ไปอีกที่หนึ่ง อีกแบบหนึ่ง”

“ตัวชี้วัดว่าประสบความสำเร็จคืออะไร คือรวย 100 ล้านเหรอ หรือมีเพลง 100 ล้านวิว ประสบความสำเร็จของผม คือชีวิตเรามีความสุข ชีวิตมีความพอดี ไม่เบียดเบียนคนรอบข้าง ครอบครัวมีความสุข เท่านี้ครับ”

“ผมเคยเป็นพระเอกเรื่องหนึ่ง” เต๋าเล่า

ตอนที่เล่น ตอนอยู่ในกองเขาแฮปปี้ มีความสุข และสนุกมาก หากขณะเดียวกันก็รู้สึกเหนื่อยมาก แต่กระนั้นก็นอนไม่หลับเพราะกังวลกับการท่องบท แถมยังมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการอั้นฉี่ เพราะความเกรงใจ ไม่กล้าขอพักการถ่ายทำ กลัวจะทำให้งานของส่วนรวมเสีย

“ตอนนี้ปกติแล้วครับ คือเราหาความพอดีกับตัวเอง ว่าเราใช้ชีวิตแบบนี้นะ ถึงพอดี อะไรประมาณนี้”

สําหรับอนาคต เต๋ามองว่าเขาคงกลับไปอยู่ที่บ้านในจังหวัดอุบลราชธานี

“เพราะชีวิตในวงการบันเทิงมีความสั้นนะ ผมน่าจะได้เกษียณอีกสัก 10 ปี ตอนนั้นก็แบ๊ก ทู เบสิก ไปดูแลครอบครัว แล้วก็ทำไร่ไถนา อยู่กับความเป็นอีสาน กับความเป็นธรรมชาติ”

“แต่ตอนนี้เราได้มีโอกาสใช้ความฝันให้เป็นจริง โดยบุญพาวาสนาส่งหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ก็ขอใช้ชีวิตตรงนี้ให้คุ้มค่า เต็มที่ และดีที่สุดไปก่อน”