มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) ดำเนินการภายใต้ การสนับสนุนจากบริษัทโทลล์ กรุ๊ป ในชื่อโครงการ Toll Hauling Safety Project Phase 2 ประจำปี 2565 เพื่อส่งเสริมการเดินทางไป-กลับของนักเรียนอย่างปลอดภัย และส่งเสริมความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน ของบริเวณโรงเรียนและชุมชน โดยมีการคัดเลือกโรงเรียนนำร่องโครงการสำหรับปีการศึกษา 2565 จำนวน 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนพรมราษฎร์รังสรรค์ (เขตบางบอน) และโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ (เขตคลองเตย) เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบริเวณหน้าโรงเรียน

 

นายอลัน บีแชม กรรมการผู้จัดการบริษัทโทลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า “ในนามของบริษัทโทลล์ กรุ๊ป มีความยินดีที่จะสนับสนุนมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) เพื่อจัดทำโครงการ Toll Hauling Safety Project Phase 2 ประจำปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อร่วมกันรณรงค์การลดอุบัติเหตุบนท้องถนน บริเวณโรงเรียนและชุมชนโดยรอบ โดยปี 2564 ที่ผ่านมา ได้จัดโครงการเป็นปีแรก โดยได้คัดเลือกโรงเรียนอนุบาลเคหะบางพลี และโรงเรียนวัดเสาธงนอก จังหวัดสมุทรปราการ ให้เป็นโรงเรียนนำร่อง

อ้างถึงมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (กันยายน 2563) ภายใต้หัวข้อหัวข้อ “การยกระดับความปลอดภัยทางถนนสากล” เป็นการประกาศทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน ตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2573 มีเป้าหมายที่จะลดการเกิดอุบัติเหตุอย่างน้อย 50% ให้ได้ภายในปี 2573 โดยองค์การอนามัยโลก

และคณะกรรมาธิการระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ (UN) พันธมิตรอื่นๆ ตามข้อตกลงความร่วมมือ ด้านความปลอดภัย ทางถนนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้ประกาศใช้ในเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์โครงการ Toll Group และ AIP Foundation ร่วมกับโรงเรียน และหน่วยงานภาครัฐสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดพิธีส่งมอบถนนติดดาวให้กับโรงเรียนพรมราษฎร์รังสรรค์ (เขตบางบอน) ซึ่งการปรับปรุงกายภาพถนนบริเวณหน้าโรงเรียน ได้แก่ 1. การติดตั้งทางม้าลาย บริเวณ ทางสามแยกถนนพรมราษฎร์ 2. ป้ายบังคับการใช้ความเร็วบริเวณโรงเรียนและชุมชน 3. เส้นชลอความเร็ว

การพัฒนาและปรับปรุงกายภาพเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ภายใต้ SDG 3- ได้แก่สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้มีเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพภายใต้คำแนะนำของสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยภาครัฐในเขตคลองเตย และบางบอน ในการคัดเลือกโรงเรียนนำร่องโครงการ เพื่อยกระดับพื้นที่ ปลอดภัยให้แก่โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และสภาพถนนที่ชำรุด เสียหาย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และทางเท้าในบริเวณดังกล่าว โครงการฯ จึงมีแผนงาน ในการส่งเสริมความรู้ความปลอดภัยบนท้องถนนผ่านการให้ความรู้แก่บุคคลากรทางการศึกษาในแนวคิดการ

จัดการพื้นที่โรงเรียนปลอดภัยให้แก่นักเรียนพร้อมทั้ง ปรับปรุงกายภาพถนนเพื่อความปลอดภัย ทั้งในและรอบบริเวณโรงเรียนและสร้างความตระหนักเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ชุมชน

โดยโครงการ Toll Hauling Safety Project Phase 2 ประจำปี 2565 จัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ นอกห้องเรียนร่วมกับเพื่อนๆ และวิทยากรภายนอก เป็นการเสริมสร้างทักษะด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และรู้จักการปฏิบัติตน เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริม การเดินทางไป-กลับ ของนักเรียนอย่างปลอดภัย และรณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน บริเวณโรงเรียนและชุมชน โดยคัดเลือกโรงเรียนนำร่องโครงการสำหรับปี 2565 จำนวน 2 คือ โรงเรียนพรมราษฎร์รังสรรค์ (เขตบางบอน) และโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ (เขตคลองเตย)

คุณมิเรียม ซิดิก ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงาน มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) กล่าวเพิ่มเติมว่า “มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนิน โครงการ Toll Hauling Safety Project Phase 2 ประจำปี 2565 เป็นปีที่ 2 เพราะเชื่อว่า มีคนมากกว่า 22,000 คนในประเทศไทย ต้องสูญเสียชีวิตบนท้องถนน มีความเสี่ยงจากพฤติกรรมการใช้ถนนอย่างไม่ปลอดภัย เช่น การใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด หรือ พฤติกรรมการขับรถขาดความระมัดระวัง เป็นต้น

กิจกรรมที่สำคัญในโครงการ อาทิเช่น ความรู้และทักษะที่จำเป็นของการศึกษาความปลอดภัยทางถนน ที่จะเพิ่มความตระหนักด้านความปลอดภัยให้กับเด็กและชุมชนใกล้เคียง ซึ่งรวมถึงการคมนาคมที่ปลอดภัย และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในเขตโรงเรียน และเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้ถนนที่ปลอดภัย

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่จะลดหรือบรรเทาการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงเรียนและชุมชนได้ โดยโครงการยกระดับพื้นที่โรงเรียนปลอดภัย Hauling Safety จะส่งเสริมพฤติกรรมการใช้รถและถนนอย่าง ปลอดภัยและหวังว่าความร่วมมือกับโรงเรียนและภาครัฐในครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมความปลอดภัยสำหรับเด็กและชุมชนต่อไป”