สุญญากาศ ‘กัญชา’ แผลงฤทธิ์ รายย่อย-ชุมชม…ระส่ำ แห่ปลูกล้น-ทุบราคาร่วง/บทความพิเศษ ศัลยา ประชาชาติ

บทความพิเศษ

ศัลยา ประชาชาติ

 

สุญญากาศ ‘กัญชา’ แผลงฤทธิ์

รายย่อย-ชุมชม…ระส่ำ

แห่ปลูกล้น-ทุบราคาร่วง

 

แม้ “กัญชา-กัญชง” จะยังอยู่ในช่วงสุญญากาศ เพราะร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. ที่พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอ ถูกตีตกให้กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ หลังจากการประชุมสภาเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา และส่งผลให้การมีกฎหมายควบคุมเรื่องกัญชา กัญชงโดยเฉพาะต้องล่าช้าออกไปอีกระยะหนึ่ง

แต่ทั้งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงประชาชนทั่วไปยังให้ความสนใจที่จะทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความมั่นใจกัญชาจะไม่กลับไปมีสถานะเป็นยาเสพติดเหมือนที่ผ่านมา

และที่สำคัญคือ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชาจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากตัวเลขการแห่ตั้งบริษัททำธุรกิจกัญชาที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่เคยบูมมากเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่มีนักธุรกิจรายใหญ่กระโดดเข้ามาในธุรกิจกัญชาหลายราย

 

ล่าสุด จากการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ทำธุรกิจกัญชา จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีบริษัทที่จดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา กัญชง มากกว่า 70 บริษัท

จากก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม มีบริษัทที่จดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจกัญชามีประมาณ 50 บริษัท เช่นเดียวกับเดือนมิถุนายน ที่การปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด (มีผล 9 มิถุนายน) ก็เริ่มเห็นแนวโน้มการจดทะเบียนของบริษัทกัญชาที่เริ่มฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง คือ มีตัวเลขการจดทะเบียนประมาณ 20 บริษัท หลังจากช่วงต้นปีที่มีตัวเลขการจดทะเบียนเฉลี่ยเดือนละ 1-2 บริษัทเท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดจะพบว่า บริษัทที่จดทะเบียนดังกล่าว ส่วนใหญ่จะระบุว่าเพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับกัญชา กัญชง เช่น การปลูก การนำเข้า การสกัด รวมถึงซื้อและขายอุปกรณ์, บริการรับเป็นที่ปรึกษา รับวางระบบฟาร์ม และบริหารจัดการฟาร์มกัญชา มาตรฐานทางการแพทย์, ประกอบกิจการคลินิกเวชกรรม คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกกัญชา, ประกอบกิจการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมกัญชา กัญชง, ประกอบกิจการจำหน่ายกล้าพันธุ์กัญชา และรับซื้อ-ขาย ผลผลิตจากกัญชา เป็นต้น

และเป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัทที่จดทะเบียนตั้งบริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการเตรียมการเพื่อจะดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทเหล่านี้ระบุว่า จะประกอบกิจการได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

อาจจจะกล่าวได้ว่า นี่เป็นความเคลื่อนไหวในการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมที่จะรุกคืบเข้ามาในธุรกิจกัญชา กัญชง อย่างเต็มตัวในวันข้างหน้า

 

แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ข่าวร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ถูกสภาตีตกไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนไม่น้อยเกิดความสับสนและกังวล หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงทุนลงแรงในเรื่องของกัญชามามาก และคาดวาดหวังว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ตามที่รัฐบาลได้สร้างภาพไว้

“ธนัชชา ชลายนนาวิน” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด ผู้สนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจเพ ลา เพลิน โมเดลที่นำร่องการปลูกกัญชา-กัญชง จังหวัดบุรีรัมย์ แสดงความเห็นว่า ตอนนี้เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกกัญชง-กัญชาในพื้นที่หลายราย ทั้งรายย่อย ปลูกในครัวเรือน และรายใหม่ที่เพิ่งลงทุนปลูกจำนวนมาก ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. ถูกตีกลับ จากเคยคาดหวังว่าจะสร้างมูลค่าได้ เพราะถูกกฎหมายและเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ น่าจะมีตลาดรองรับ แต่กลับกลายเป็นว่าปลูกแล้วเริ่มไร้ทิศทางที่ชัดเจน

“หลายคนลงทุนปลูกจนหมดหน้าตัก แต่ไม่มีตลาดมารองรับ เพราะคิดเพียงแค่ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ ปลูกโดยไม่มีความรู้ว่าตลาดอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้ซื้อ คุณภาพต้องเป็นอย่างไร ต้องมีมาตรฐานแบบไหน พอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ต้องไปเริ่มใหม่ก็กระทบหมดเลย โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกกัญชา”

สำหรับ เพ ลา เพลินฯ เองไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ถูกถอนแต่อย่างใด เพราะเป็นการปลูกตามออเดอร์ และเน้นการปลูกเพื่อใช้งานด้านการแพทย์ (Medical Grade) และทำสัญญาส่งขายให้โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม ที่ต้องการสารสกัดไปใช้ในการผลิตยา ทั้งหมดเป็นผู้รับซื้ออย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ปัจจุบัน เพ ลา เพลินฯ ที่เดิมเน้นปลูกกัญชา ได้เริ่มปรับเปลี่ยนมาเน้นการปลูกกัญชงเกือบทั้งหมด 100% เพราะกัญชามีสาร THC หรือสารมึนเมาอยู่ค่อนข้างสูง ส่วนกัญชงมีสาร THC ต่ำ แต่มีสาร CBD สูง ซึ่งใช้ในทางการแพทย์และเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมมากกว่า และสามารถนำไปแปรรูปค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นยา อาหารเสริม ไฟเบอร์ เป็นต้น

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชมผู้ปลูกกัญชาในภาคอีสานเหนือและอีสานกลาง หลายแห่งให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวว่า หลังการปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกและใช้ในครัวเรือนได้โดยเสรี ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แจกกล้าพันธุ์กัญชาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีกลุ่มคนที่มีการเพาะกล้ากัญชา-เมล็ดกัญชา ออกมาขายจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้ราคากัญชาในตลาดเริ่มตกลง เพราะทุกคนสามารถปลูกได้ คนที่มีสวนมีไร่หรือมีที่ดินมากก็อาจจะปลูกมาก เมื่อปลูกมากราคาก็ตก

“จากเดิมที่เคยขายได้ในราคาสูง เช่น ใบแห้ง ที่ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 15,000-16,000 บาท ตอนนี้ราคาร่วงมาเหลือเพียงประมาณ 3,000 บาท จากช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาจะอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท”

 

หากพิจารณาข้อมูลจจำนวนใบอนุญาตเกี่ยวกับกัญชา จากกองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ณ วันที่ 19 กันยายน (ข้อมูลก่อนวันที่ 9 มิถุนายน 2565) พบว่า มีใบอนุญาตทั้งหมด 2,943 รายการ จำนวนสถานที่ 3,408 แห่ง แบ่งเป็น

1. ใบอนุญาตครอบครอง 122 รายการ จำนวนสถานที่ 122 แห่ง

2. ใบอนุญาตนำเข้า 12 รายการ จำนวนสถานที่ 12 แห่ง

3. ใบอนุญาตผลิต (ปลูก) 881 รายการ จำนวนสถานที่ 1,345 แห่ง

4. ใบอนุญาตจำหน่าย 1,875 รายการ จำนวนสถานที่ 1,876 แห่ง

5. ใบอนุญาตส่งออก 1 รายการ จำนวนสถานที่ 1 แห่ง

6. ใบอนุญาตผลิต (ปรุง) 7 รายการ จำนวนสถานที่ 7 แห่ง

และ 7. ใบอนุญาตผลิต (แปรรูป/สกัด) 41 รายการ จำนวนสถานที่ 41 แห่ง

สำหรับภาพรวมของการปลูกกัญชา พบว่าภาพรวมทั่วประเทศ มีการขออนุญาตปลูก 1,345 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 946,443 ตารางเมตร จำนวน 955,438 ต้น

จังหวัดที่ปลูกมากที่สุด 5 จังหวัดแรก ประกอบด้วย

1. เชียงใหม่ มีการขออนุญาต 28 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 9,061 ตารางเมตร จำนวน 57,780 ต้น

2. กาญจนบุรี ขออนุญาต 19 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 549,529 ตารางเมตร จำนวน 563,390 ต้น

3. นครราชสีมา มีการขออนุญาต 39 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 60,865 ตารางเมตร จำนวน 43,560 ต้น

4. บุรีรัมย์ มีการขออนุญาต 160 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 12,761 ตารางเมตร จำนวน 39,474 ต้น

5. สกลนคร มีการขออนุญาต 257 แห่ง รวมพื้นที่ขอปลูก 43,997 ตารางเมตร จำนวน 25,032 ต้น

นี่ยังไม่นับรวมกับสถิติการใช้งานแอพพ์ “ปลูกกัญ” ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ณ วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ที่มีจำนวนการลงทะเบียน 1,088,323 คน ออกใบรับจดแจ้งกัญชา 1,054,044 ใบ ออกใบรับจดแจ้งกัญชง 34,279 ใบ

ในช่วงสุญญากาศนี้นับวันการปลูกกัญชาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ปลูกมากเท่าไหร่ราคาก็จะตกลงมากเท่านั้น และโอกาสเยาวชนของชาติก็จะเข้าถึงกัญชามากขึ้น

หากช่วงสุญญากาศยืดเยื้อยาวนาน เจ้าหน้าที่ของรัฐหย่อนยาน ปัญหาก็จะเกิดตามมาอีกมากมาย