โหยหาความ ‘เรียล’ บนโลกโซเชียล/Cool Tech จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech

จิตต์สุภา ฉิน

@Sue_Ching

Facebook.com/JitsupaChin

 

โหยหาความ ‘เรียล’

บนโลกโซเชียล

 

กว่าจะมาเป็นภาพสักภาพที่เรากดแชร์บนโซเชียลมีเดียก็ต้องผ่านกระบวนการการคัดเลือกภาพที่ดูดีที่สุด เอาเข้าแอพพ์ไปตกแต่งลบริ้วรอยที่ไม่ต้องการ ใส่ฟิลเตอร์ที่ชอบ ปรับความสว่าง อุณหภูมิสี เมื่อพอใจถึงที่สุดแล้วจึงจะกดแชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนทั่วไปได้เห็น

ด้วยเหตุนี้ภาพที่เราเห็นบนโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จึงเป็นภาพที่ดูสดใส สมบูรณ์แบบ เป็นภาพที่เลือกมาแล้วว่าสะท้อนแง่มุมที่สวยหรูที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารราคาแพง วันหยุดพักผ่อนในยุโรป หรือปาร์ตี้ไฮโซที่ทุกคนถือแก้วแชมเปญชนกันกรุ๋งกริ๋ง

เสพภาพเหล่านี้มากๆ ก็เผลอทำให้จิตใจหดหู่ได้เหมือนกัน พาลคิดไปว่าคนอื่นประสบความสำเร็จกันทั้งหมด มีแต่ตัวเราเองนี่แหละที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีโมเมนต์สวยๆ รวยๆ แบบนี้กับเขาสักเท่าไหร่เลย

ในขณะที่คนโพสต์เองก็ไม่ใช่ไม่เหนื่อย เพราะต้องคีพลุคด้วยการสรรหาสิ่งสวยงามมาพรีเซนต์ไม่หยุดหย่อน

อาจจะเพราะแบบนี้จึงทำให้เกิดโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาให้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมด ไม่ต้องแต่งภาพ ไม่ต้องเลือกภาพ แต่ขอให้แชร์สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ เวลานั้นจริงๆ ขอแบบที่เรียลที่สุด สะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด

ด้วยชื่อแพลตฟอร์มว่า ‘บีเรียล’ (BeReal)

BeReal เป็นโซเชียลมีเดียที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย ตัวแอพพ์จะส่งคำเตือนไปให้ผู้ใช้งานวันละครั้งเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานถ่ายและแชร์ภาพในเวลานั้นๆ โดยจะให้เวลาสองนาทีในการถ่ายภาพจากทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมๆ กัน และแน่นอน ไม่มีฟังก์ชั่นการแต่งภาพหรือใส่ฟิลเตอร์แวววับระยิบระยับใดๆ ถ่ายอะไรออกมาก็แชร์แบบนั้นไปเลย ตรงตามคอนเซ็ปต์ความเรียล

วัตถุประสงค์ของ BeReal คือการกระตุ้นให้ผู้ใช้งานได้แชร์ชีวิตของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตที่คัดสรรมาแล้วว่าดูดี

ดังนั้น ภาพบนฟีดจึงเต็มไปด้วยภาพที่เรามักจะไม่ค่อยได้เห็นบนโซเชียลมีเดียทั่วไปเพราะมันสุดแสนธรรมดาจนเกินกว่าจะถ่ายมาแชร์

อย่างเช่น ภาพถนนโรยก้อนกรวด ภาพโทรทัศน์ที่อยู่ปลายเตียง ภาพด้านหลังของบาริสต้าในร้านกาแฟ หรือภาพที่นั่งบนรถเมล์ที่ว่างเปล่า ทั้งหมดนี้ถูกจับคู่อยู่กับภาพเซลฟี่ที่แสนจะเรียลเพราะปราศจากการสวมฟิลเตอร์

ด้วยความที่แอพพ์ให้เวลาเพียงแค่สองนาทีในการถ่ายภาพจึงทำให้ไม่มีเวลาคัดสรรภาพมากนัก ภาพส่วนใหญ่ก็เลยออกมาเรียลสมใจคนทำแอพพ์จริงๆ ตั้งแต่ภาพเบลอหลุดโฟกัส ภาพเอียงกระเท่เร่ ไปจนถึงภาพสิ่งแวดล้อมรกๆ ที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ

นอกจากจะไม่มีฟิลเตอร์ให้แต่งภาพแล้ว แอพพ์นี้ก็ยังไม่มีปุ่มที่เราคุ้นเคยอย่างปุ่มไลก์ ปุ่มติดตาม มีเพียงปุ่มแสดงอารมณ์บางอย่างเท่านั้น เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ตั้งใจจะดันให้ใครโด่งดังขึ้นมา

BeReal จึงดูเป็นโซเชียลมีเดียที่ไม่น่าจะเกิดได้ง่ายๆ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนโดยที่แทบไม่เคยมีใครได้ยินชื่อ แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง

แอพพลิเคชั่น BeReal กลายเป็นแอพพ์ที่มีคนดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และยังอยู่ในสามอันดับต้นของแอพพ์ที่คนดาวน์โหลดเยอะในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสด้วย ทำให้ BeReal มียอดดาวน์โหลดเกือบ 35 ล้านครั้งทั่วโลก

กลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบคอนเซ็ปต์ของ BeReal ก็คือกลุ่มเจเนอเรชั่น Z ที่เกิดในช่วงปี 1990-2010 นับเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าคนในช่วงอายุนี้เริ่มเบื่อหน่ายภาพออนไลน์อันสวยหรู และอยากเห็นภาพที่สะท้อนถึงชีวิตจริงๆ ที่เป็นอยู่มากกว่านี้

ตัวฉันที่ไม่ใช่คนเจน Z เมื่อลองใช้ BeReal แล้วรู้สึกว่าไม่เคยชินเอาเสียเลย จะถ่ายภาพตัวเองและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนั้นๆ ก็รู้สึกตะขิดตะขวงไปหมด วิวไม่สวย หน้าไม่พร้อม คิดไปถึงขั้นว่าแชร์ภาพแบบนี้แล้วคนที่เห็นจะได้อะไรบ้าง

พอแอพพ์เตือนขึ้นมาว่าได้เวลาแชร์แล้วแถมกำหนดว่าจะต้องทำให้เสร็จภายในสองนาทีก็รู้สึกหงุดหงิดว่าจะมาบังคับอะไรกันนักกันหนา

กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับแอพพ์นี้ก็คือการได้นั่งดูภาพคนอื่น การได้เห็นภาพที่ถ่ายมาแบบลวกๆ ก็ทำให้รู้สึกแตกต่างจากการได้เสพโซเชียลมีเดียอื่นๆ อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ติดแค่ตรงที่ BeReal บังคับว่าเราจะต้องแชร์ภาพเราก่อน เราถึงจะสามารถดูภาพคนอื่นๆ ได้

มีการตั้งข้อสังเกตสิ่งที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับแอพพ์ BeReal อีกหนึ่งจุดก็คือการเปิดใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมๆ กัน แถมยังให้เวลาในการถ่ายแบบจำกัดอาจจะทำให้สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าของภาพได้ เช่น เผลอโชว์รายละเอียดส่วนตัว อย่างองค์ประกอบบางอย่างในภาพที่ทำให้คนรู้ที่อยู่ หรือการเผยข้อมูลอย่างเอกสารบนโต๊ะทำงานหรือรายละเอียดบนจอคอมพิวเตอร์ไปแบบไม่ทันรู้ตัวได้

ไม่รู้เหมือนกันว่าความนิยมของ BeReal จะไปได้ถึงจุดไหน จะร่วงหายไปอีกไม่นานหลังจากนี้ หรือจะกลายเป็นโซเชียลมีเดียนิชๆ อีกแห่งที่กลุ่มเจน Z ชื่นชอบ แต่ดูเหมือนกับว่าคอนเซ็ปต์ของการโพสต์ภาพจากกล้องหน้าและหลังอย่างเป็นธรรมชาติไม่จัดแต่งแบบนี้จะไปเข้าตายักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ล่าสุดมีรายงานว่า TikTok กำลังจะออกฟีเจอร์ใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับ BeReal เป็นอย่างมาก คือส่งคำเตือนไปให้ผู้ใช้งาน และให้เวลาสามนาทีในการถ่ายภาพหรือวิดีโอความยาวสิบวินาทีเพื่อแชร์สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้การเปิดกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันแบบเดียวกับ BeReal เป๊ะ

TikTok บอกว่าฟีเจอร์นี้จะทำให้ได้คอนเทนต์ที่เรียลกว่าเก่าและทำให้ผู้ติดตามอยากมีปฏิสัมพันธ์เพิ่มด้วย และตั้งชื่อฟีเจอร์ใหม่นี้ว่า TikTok Now

รายงานระบุว่า TikTok Now เป็นฟีเจอร์ที่จะใช้งานได้บนแอพพ์ TikTok หลัก แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าในอนาคตอาจจะแยกออกมาเป็นแอพพ์เดี่ยวๆ เลยก็ได้ ซึ่งก็น่าคิดว่าเมื่อแอพพ์ยักษ์ใหญ่ที่มีฐานผู้ใช้งานมหาศาลแบบนี้ฉกฉวยเอาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ BeReal ไป BeReal ต้องแก้เกมอย่างไรไม่ให้ผู้ใช้งานทอดทิ้งตัวเองไป

จากการทดลองใช้งานสั้นๆ ฉันรู้สึกว่าถึงแม้ตัวฉันจะเพลิดเพลินไปกับการไล่ดูภาพเรียลๆ ของคนอื่นอยู่บ้าง แต่นี่อาจจะไม่ใช่โซเชียลมีเดียที่ฉันจะอยากสร้างคอนเทนต์สักเท่าไหร่ และลึกๆ ก็ยังแอบสงสัยว่าความเรียลที่เกิดจากการถูกบังคับให้เรียลนั้นมันจะเรียกว่าเรียลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับบางคนนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความคิด ลดแรงกดดันว่าเราจะต้องดูดีเสมอบนโซเชียลมีเดีย และทำให้มีทัศนคติที่ดีต่อการแชร์บนโซเชียลมากขึ้นก็ได้

คุณผู้อ่านคนไหนสนใจก็อาจจะลองดาวน์โหลดไปใช้งานกันดูได้นะคะ แต่ถ้าจะให้ฉันแนะนำว่าเราจะหาความเรียลจากที่ไหนเพิ่มได้อีกบ้าง ฉันก็อาจจะบอกว่า

พักโซเชียลมีเดีย ออกไปทำกิจกรรมข้างนอก พูดคุยกับผู้คนให้มากขึ้น นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรากำลังโหยหากันอยู่ก็ได้