‘ดูเตอร์เต้’ ลั่น มาราวีเป็นอิสระแล้ว! หลังกลุ่มติดอาวุธยึดครองกว่า 4 เดือน แต่สงครามยังไม่จบ

วันที่ 17 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายโรดริโก ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประกาศว่า เมืองมาราวี ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกยึดครองโดยกลุ่มติดอาวุธเมาเต้ ที่ประกาศเป็นแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามหรือไอเอสนั้น ได้เป็นอิสระแล้ว แม้จะทางกองทัพฟิลิปปินส์ยังคงต้องสู้รบต่อ ซึ่งยังคงเหลือกองกำลังติดอาวุธอยู่ราว 20-30 คน และมีตัวประกันหลงเหลืออยู่อีกราว 20 คน

การประกาศชัยชนะของนายดูเตอร์เต้ต่อทหารครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพได้สังหาร 2 ผู้บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งนายดูเตอร์เต้กล่าวว่า จะไม่ยอมให้กลุ่มติดอาวุธซ่องสุมกำลังอาวุธได้อีก แต่เมืองมาราวีได้เป็นอิสระ และมันถึงเวลาที่จะเยียวยาบาดแผลและก่อร่างสร้างใหม่

ส่วนนายอิสนิลอน ฮาพิลอน หรือ “อีเมียร์แห่งไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” และนายโอมาร์คายัม เมาเต้ ที่ถูกสังหารไปเมื่อวานนี้นั้น ทางการระบุว่า ศพของทั้งสองถูกเก็บไว้และระบุตอัตลักษณ์แล้ว

ด้านนายเอดูอาโด อาโน ผู้บัญชาการกองทัพบกฟิลิปปินส์กล่าวว่า ยังคงมีกลุ่มติดอาวุธหลงเหลือ ที่ตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องของการบังคับใช้ตามกฎหมาย ขณะที่นายเรสติตูโต พาดิล่า โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์กล่าวว่า กองกำลังติดอาวุธที่หลงเหลือเป็นเพียงผู้พลัดหลงเท่านั้น ไม่มีทางจะออกไปไหนได้และไม่มีทางให้ใครเข้ามาได้

นายพาดิล่ากล่าวอีกว่า กองทัพเชื่อว่านายมาห์มุด อาหมัด สมาชิกกลุ่มที่เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการในมาเลเซียยังคงอยู่ในมาราวี แต่ก็ยังไม่สามารถให้ความแน่นอนได้ แต่ว่านายมาห์มุดจัดว่าไม่เป็นภัยคุกคาม เพราะนายมาห์มุดเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่นักรบ จึงรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ตัวปัญหา

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเห็นต่างและเชื่อว่านายมาห์มุดซึ่งเคยฝึกในค่ายของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ในอัฟกานิสถาน เป็นผู้จัดหาและระดมทุน และอาจขึ้นเป็นแกนนำสำคัญแทนนายฮาพิลอนอีกด้วย ประกอบกับเจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมกล่าวว่า ผู้นำคนสำคัญของกลุ่มเป็นผู้เล่นหลักในการเกณฑ์นักรบรุ่นใหม่และจัดเตรียมให้กับกลุ่มหัวรุนแรงในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และมากกว่านั้นที่ร่วมผลักดันให้เกิดรัฐอิสลามในเอเชียตะวันออกหรือที่เรียกว่า “วิลายา”

ทั้งนี้ นายเดลฟิน โลเรนซาน่า รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์กล่าวว่า ปฏิบัติการยึดเมืองมาราวี ใช้งบประมาณมากถึง 5 ล้านเปโซ ส่วนการฟื้นฟูจะเริ่มได้ในเดือนมกราคมปีหน้า เพราะยังคงมีกลุ่มติดอาวุธหลงเหลือและอาคารยังไม่ปลอดภัยเพราะอาจมีระเบิดแสวงเครื่องหรือวัตถุระเบิดอื่นแอบติดตั้งไว้อยู่ก็เป็นได้