E-DUANG : มวลชน เรือนหมื่น พลังประชารัฐ กับ ภูมิใจไทย และ ประชาธิปัตย์

ปรากฎการณ์การเมืองอย่างที่พรรคพลังประชารัฐเนรมิตขึ้นที่ชลบุรี อย่างที่พรรคภูมิใจไทยเนรมิตขึ้นที่พิจิตร อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เนรมิตขึ้นที่สงขลา

พรรคก้าวไกลสามารถ”เนรมิต”ขึ้นได้หรือไม่

หากดูจากภาพก้าวไกล NEXT ที่เชียงใหม่ ก้าวไกลNEXTที่ขอนแก่น ที่นครราชสีมาและที่จะเริ่มขึ้นในสงชลา ก็ตอบได้เลยว่า

ยากที่จะเป็นไปได้ และยากในระดับ”ยากส์”เป็นอย่างยิ่ง

ที่พรรคพลังประชารัฐสามารถระดมคนได้”เรือนหมื่น”ที่ขลบุรี ที่พรรคภูมิใจไทยสามารถระดมคนได้”เรือนหลายพัน”ที่พิจิตร และที่พรรคประชาธิปัตย์ระดมได้”เรือนหลายพัน”ที่สงขลา

ไม่เพียงเพราะพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย มีความเป็นมายาวนาน พรรคพลังประชารัฐ มีอิทธิพลของ”บ้านใหญ่”และดำรงอยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

หากที่สำคัญเป็นอย่างมากการดำรงอยู่ของพรรคพลังประชา

รัฐ การดำรงอยู่ของพรรคประชาธิปัตย์ การดำรงอยู่ของพรรคภูมิใจไทย เป็นการดำรงอยู่ผ่านระบบจัดตั้งของ”หัวคะแนน”

ระบบ”หัวคะแนน”ต่างหากคือ”หลักประกัน”อันมั่นคง

 

ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็น”อวตาร”แห่งพรรคอนาคตไทยที่ถูกยุบไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีความแตกต่างโดยพื้นฐาน ไปจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์

พรรคก้าวไกลไม่มีระบบ”หัวคะแนน” หรือถึงมี”ตัวแทนจังหวัด” ก็แตกต่างไปจากระบบ”หัวคะแนน”เดิม

โดยพื้นฐานอย่างที่สุด พรรคก้าวไกลไม่ได้เติบใหญ่มาจากความนิยมของนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมาอย่างยาวนานและมีฐานคะแนนเสียงของตนอย่างแข็งแกร่งในแต่ละพื้นที่

ไม่ว่าจะมองผ่าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งยุคพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นคนหน้าใหม่ ไม่ว่าจะมองผ่าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในยุคพรรคก้าวไกล ก็ล้วนเป็น”หน้าใหม่”

ยิ่งพรรคก้าวไกลดำรงอยู่ในสถานะของพรรค”ฝ่ายค้าน” ก็ยิ่ง

ไม่ได้รับการเอื้ออวยจาก”ข้าราชการ”หรือแม้กระทั่ง”กลุ่มทุน”

 

ไม่ว่าการเดินทางไปของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงแตกต่างไปจากการเดินทางไปของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์

เพราะเป็นการไปในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลแท้ๆไม่มีอื่น

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวิรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์

คนหนึ่งมีหัวโขน มีอำนาจ อำนาจนั้นจึงแผ่พลานุภาพด้วย