ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | จะลาออกดีๆ หรืออยู่ต่อแบบ ‘ซาก’

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ประเด็นครบวาระ 8 ปี ทำให้การขับไล่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และถึงแม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะไม่ใช่การเดินขบวนและชุมนุมอย่างที่เคยเกิดแทบทุกวันในปี 2563-2564 แต่กระแสการขับไล่ก็ไม่ได้ลดความร้อนแรง ซ้ำคนที่เคยหนุนคุณประยุทธ์ก็พูดแบบนี้มากขึ้นทุกที

อย่างความเห็นว่าคุณประยุทธ์ควรไปพักร้อนของเจษฎ์ โทณะวณิก และความเห็นของอดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่าคุณประยุทธ์หลังวันที่ 23 สิงหาคม ไม่ใช่นายกฯ เครือข่ายไล่ประยุทธ์ได้ขยายตัวสู่คนที่คุณประยุทธ์มีส่วนให้ดำรงตำแหน่งองค์กรต่างๆ หลังรัฐประหาร 2557 อย่างไม่มีใครคิดเลย

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่การแสดงความเห็นนี้มาจากคนกลุ่มที่ใกล้ชิดกับคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ และยิ่งไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญที่การแสดงความเห็นทำนองนี้เกิดขึ้นในเครือข่ายอื่นๆ ไม่หยุดยั้ง

หรืออีกนัยคือคนหลายกลุ่มกำลังทำทุกทางให้ประเทศไทยไม่มีคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกต่อไปหลังวันที่ 24 สิงหาคม

คุณประยุทธ์พยายามกลบข่าวนี้โดยทิ้งโพเดียมหรือด่านักข่าวรายวัน

ส่วนรัฐมนตรีที่เป็นลูกน้องคุณประยุทธ์ก็ให้ทุกคนรอฟังคำตัดสินศาลโดยไม่ต้องพูดอะไรอีก

แต่การที่คนหลายกลุ่มพูดเรื่องนี้ไม่เลิกคือสัญญาณว่ามีคนอีกเยอะที่ไม่ต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องนี้ตามใจชอบอีกต่อไป

แน่นอนว่าคำตัดสินศาลที่เข้าทางคุณประยุทธ์ที่สุดคือเป็นนายกฯ ถึงปี 2570 หรือเท่ากับ 13 ปี แต่นอกจากคุณเสรี สุวรรณภานนท์ ที่ตีความกฎหมายเข้าข้างคุณประยุทธ์สุดลิ่มทิ่มประตู นักกฎหมายที่เปิดทางให้คุณประยุทธ์อยู่ยาวขนาดนี้ก็แทบไม่มีจนยากที่ศาลจะตีความแบบนี้จริงๆ

อาจารย์นิติศาสตร์จากหลายสถาบันลงชื่อยืนยันว่าคุณประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง 24 สิงหาคม 2565 ตรงกับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและคุณมีชัย

แต่การที่ศาลจะตัดสินแบบที่ขัดใจคุณประยุทธ์ขนาดนี้เป็นเรื่องยากจนเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงท่าทีศาลต่อคุณประยุทธ์ในคดีอื่นที่ผ่านมา

คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยพูดว่าคุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ อีก 2 ปี นั่นแปลว่าผู้มีอำนาจตัวจริงยอมให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ถึงปี 2568 หรือเท่ากับเริ่มต้นนับการเป็นนายกฯ ของคุณประยุทธ์ตั้งแต่ปี 2560 อันเป็นปีที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ถึงแม้แนวทางนี้จะทำให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ จริงๆ ถึง 11 ปีก็ตาม

ยังไม่มีใครรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องคุณประยุทธ์ครบ 8 ปีอย่างไร

แต่ถ้ายอมรับว่าการให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ถึงปี 2570 มากไป

ส่วนการให้คุณประยุทธ์พ้นวาระวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เหลือเชื่อ แนวทางที่ให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้ถึงปี 2568 ก็เป็นไปได้กว่าแนวทางอื่นโดยปริยาย

มองอย่างผิวเผินแล้ว ท่าทีคุณประวิตรที่ให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ถึงปี 2568 ซึ่งเท่ากับต้องนับปีแรกของการเป็นนายกฯ จากปี 2560 เหมือนเป็นการหาทางลงให้คุณประยุทธ์อย่างนุ่มนวล

แต่หากมองในแง่การเมืองให้ดี วิธีการนี้คือการผลักคุณประยุทธ์ไปขึ้นแท่นประหารที่เหี้ยมจนคุณประยุทธ์ไม่รู้ตัว

โลกที่คุณประยุทธ์เห็นคือโลกที่โอกาสเป็นนายกฯ จนถึงปี 2568 เท่ากับการได้เป็นนายกฯ จริงๆ แต่เส้นทางของคุณประยุทธ์ในการเป็นนายกฯ จริงๆ ต้องฝ่าด่านที่คุณประยุทธ์ควบคุมไม่ได้เยอะไปหมด ไม่ต้องพูดว่าโอกาสที่คุณประยุทธ์จะพังคาด่านเหล่านั้นมีมากเหลือเกิน

พรรคที่สนับสนุนคุณประยุทธ์ตรงๆ คือรวมไทยสร้างชาติ, ไทยภักดี และเทิดไท สามพรรคนี้คือพรรคเล็กซึ่งสูตรเลือกตั้งแบบหาร 100 ทำให้แค่ได้ ส.ส.เข้าสภาคนเดียวก็บุญแล้ว ส่วนพรรคปัดเศษที่สนับสนุนคุณประยุทธ์มาตลอด 4 ปีก็มีโอกาสสูญพันธุ์พร้อมอวสานของสูตรหาร 500 ในสภา

เมื่ออานิสงส์จากสูตรปัดเศษหมดสิ้นไป ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่ซึ่งเปิดกิจการเพื่อรับใช้คุณประยุทธ์ หรือพรรคกินกล้วยที่รับใช้ตั้งแต่ปี 2562 ล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะมี ส.ส.มากพอเสนอชื่อคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ต่อให้บางพรรคจะพูดถึงการยุบพรรคหรือควบรวมพรรคก็ตาม

สำหรับพรรคใหม่ที่ไม่ใช่สายตรงคุณประยุทธ์อย่างพรรคกล้ากับพรรคสร้างอนาคตไทย แม้จุดเด่นของทั้งสองพรรคคือการชูความเป็นนักบริหารมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ แต่ “กรณ์ จาติกวณิช” และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ล้วนถูกมองว่าเป็นพวกคุณประยุทธ์ ภาพการฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงถูกกลบจนยากที่จะโงหัวขึ้นมา

เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองกรณี ควรระบุด้วยว่าแม้ทั้งสองพรรคจะถูกสังคมมองว่าเป็นพวกประยุทธ์ แต่ผู้นำของทั้งสองพรรคล้วนเคยประกาศว่าจะไม่หนุนประยุทธ์ ถึงแม้จะไม่เคยแสดงท่าทีชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนเพื่อไทย, ก้าวไกล, เสรีรวมไทย, ประชาชาติ ฯลฯ ก็ตาม

ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่ที่เป็นสายตรงคุณประยุทธ์ หรือพรรคใหม่ที่สังคมหวาดระแวงของคุณกรณ์และคุณสมคิด ถึงตอนนี้ยังไม่มีพรรคไหนมีวี่แววว่าจะมี ส.ส.ในสภามากพอจะเสนอชื่อคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้

และพูดตรงๆ คือเกือบทั้งหมดเป็นพรรคที่แค่ได้ ส.ส. 1 คน ยังยากเหลือเกิน

สําหรับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และคุณอนุทิน ชาญวีรกูล มีพรรคเพื่อสนับสนุนตัวเองเป็นนายกฯ พรรคเดียวที่ประกาศสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ คือพลังประชารัฐ แต่การหวังเข้าทำเนียบโดยพึ่งพลังประชารัฐคือการฝากเนื้อไว้กับเสือที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลย

ถึงคุณประยุทธ์กับคุณประวิตรจะขยันบอกรักกันยิ่งกว่าผัวเมียเพิ่งแต่งงาน แต่แม้กระทั่งเด็กประถมก็รู้ว่าวิธีที่แต่ละคนต่างตั้งพรรคคือสัญญาณของความระแวงอย่างที่สุด หรือต่อให้พลังประชารัฐจะสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ เต็มที่ คำถามคือจะมีกี่คนเลือกพรรคเพื่อเลือกคุณประยุทธ์เข้ามา

คิดง่ายๆ พลังประชารัฐจะหาเสียงโดยชูคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ อย่างไรในเงื่อนไขที่คุณประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2568

ถ้าพลังประชารัฐบ้าพอจะประกาศว่าให้เลือกพรรคเพื่อสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ แค่ 2 ปี พลังประชารัฐคงต้องเผชิญคำถามว่าแล้วทำไมต้องเลือกคนที่แค่ 2 ปีก็ตกเก้าอี้นายกฯ สู้ไปเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นที่พร้อมทำงานไม่ดีกว่าหรืออย่างไร

ต่อให้พลังประชารัฐเลอะพอจะชูคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ จริงๆ คำถามคือจะมีคนไทยสักกี่คนที่ทนไหวกับการมีคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ จนถึงปี 2568 หรือเท่ากับเป็นนายกฯ ต่อจากนี้อีก 3 ปี

และเท่ากับคนไทยจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจคุณประยุทธ์, คุณประวิตร และคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา ติดต่อกันนานถึง 11 ปี?

หนทางที่คุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ จนถึงปี 2568 คือได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองในการเลือกตั้งซึ่งจะมีอย่างช้าที่สุดคือปี 2566

แต่โอกาสที่พรรคการเมืองซึ่งหนุนคุณประยุทธ์จะชนะเลือกตั้งปีหน้านั้นมีน้อยมาก ต่อให้ตอนนี้อีกเกือบครึ่งปีกว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงๆ ก็ตาม

หากมองย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 2565 การเลือกตั้งครั้งสำคัญล้วนจบด้วยชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ของฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะผู้ว่าฯ ด้วยคะแนนที่ผู้สมัครทุกคนรวมกันยังแพ้, เสรีรวมไทยชนะลำปางเขต 4 ถล่มทลาย ส่วนประชาธิปัตย์ชนะพลังประชารัฐสงขลาและชุมพรแบบหักปากกาเซียน

ล่าสุด แม้กระทั่งการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่กาฬสินธุ์ ก็เริ่มเห็นสัญญาณแลนด์สไลด์ฝ่ายประชาธิปไตย เพราะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงโดยขึ้นรูปคู่อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ชนะด้วยคะแนนสองแสนห้า ทิ้งห่างผู้แพ้ราวหนึ่งแสน เช่นเดียวกับด่านสำโรงที่ผู้สมัครคณะก้าวหน้าของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชนะบ้านใหญ่อย่างงดงาม

ในสังคมที่การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของพวกประยุทธ์ การเลือกตั้งระดับชาติย่อมมีโอกาสจบลงด้วยทิศทางนี้ไปด้วย ถึงแม้ผลเลือกตั้งอาจไม่จบด้วยความพ่ายแพ้ของพวกประยุทธ์ในทุกพื้นที่ โอกาสที่พวกประยุทธ์จะได้ ส.ส.เท่ารอบที่แล้วก็ไม่มีเลย

คุณประยุทธ์กำลังถึงทางตันการเมืองครั้งสำคัญ หากยุบสภาตอนนี้ก็เสี่ยงที่จะสูญเสียอำนาจที่เคยมีทั้งหมด แต่หากไม่ยุบสภาแล้วดิ้นรนอยู่ต่อไปอีก 2 ปี คุณประยุทธ์ก็จะไปตายคาสนามเลือกตั้งอย่างอัปยศที่สุด คำว่าประยุทธ์จะเป็นเป้านิ่งให้ทุกคนเอาไว้ด่าจนเหม็นเน่าและอื้อฉาวอย่างไม่มีชิ้นดี

จุดจบของคุณประยุทธ์มาถึงแล้ว เหลือเพียงแค่สภาพ ‘ซาก’ ตอนนี้จะเละเทะแค่ไหนเท่านั้นเอง