‘ภูริพล บุญสอน’ ความหวังใหม่สู่ ‘ปารีส 2024’ / เขย่าสนาม : เด็กเก็บบอล

เขย่าสนาม

เด็กเก็บบอล

[email protected]

 

‘ภูริพล บุญสอน’

ความหวังใหม่สู่ ‘ปารีส 2024’

 

นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากที่ประเทศไทยได้ค้นพบนักกรีฑาอย่าง “บิว” ภูริพล บุญสอน เจ้าหนูลมกรดวัย 16 ปี ที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ก็ว่าได้

ลมกรดเจ้าของฉายา “เทพบิว” เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2549 สร้างชื่ออย่างมากจากการแข่งขัน กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ที่จังหวัดศรีสะเกษ

เพราะว่าในการแข่งครั้งนั้น เทพบิวสามารถทำลายสถิติประเทศไทยที่อยู่ยั่งยืนยงของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ ที่อยู่มานานถึง 24 ปี ในการแข่งขันกรีฑา 100 เมตรชาย ด้วยสถิติ 10.19 วินาที รวมถึงใน 200 เมตร ภูริพลก็ทำลายสถิติประเทศไทยของเหรียญชัยที่อยู่มา 23 ปี ด้วยเช่นกัน จากเวลาที่ทำได้ 20.58 วินาที

ซึ่งจากการเฉิดฉายในกีฬาแห่งชาติ ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวความหวังของทีมกรีฑาทีมชาติไทยในศึก ซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม และก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อคว้ามาได้ถึง 3 เหรียญทอง จากวิ่ง 100 เมตรชาย, วิ่ง 200 เมตรชาย และทีมผลัด 4 x 100 เมตรชาย

โดยเฉพาะในประเภท 200 เมตรชาย ที่ภูริพลทุบสถิติประเทศไทยถึง 2 ครั้งในวันเดียวกัน ตั้งแต่รอบคัดเลือกที่ทำเวลาได้ 20.41 วินาที ต่อด้วยรอบชิงชนะเลิศกดไปอีก 20.37 วินาที ซึ่งสถิตินี้ในตอนนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมกว่า 2 ลมกรดชื่อดังอย่าง ยูเซน โบลต์ และ เอร์ริยอน เจ ไนต์ตัน เมื่อเทียบตอนอายุเท่าๆ กัน แถมยังเป็นการทำลายสถิติเหรียญชัยในกีฬาซีเกมส์อีกครั้งด้วย

ขณะเดียวกันในซีเกมส์ บิวยังช่วยกับทีม 4 x 100 เมตรชาย ทำลายสถิติประเทศไทย ด้วยเวลา 38.58 วินาที

 

ยังไม่หยุดเท่านั้น เพราะเทพบิวยังทุบสถิติในประเภท 200 เมตรชายเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี จากการลงวิ่งรอบคัดเลือกของกรีฑาชิงแชมป์โลก ที่ประเทศคาซัคสถาน ด้วยการกดไปถึง 20.19 วินาที กลายเป็นสถิติประเทศไทย พร้อมกับทำให้เจ้าตัวผ่านเข้าไปเล่นใน กรีฑาชิงแชมป์โลก ที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา

ซึ่งในตอนนั้นมีเสียงแตกอย่างมากว่าเจ้าตัวควรจะไปแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกหรือไม่ เพราะว่าช่วงเวลาค่อนข้างต่อเนื่องกับศึกกรีฑา เยาวชนชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ประเทศโคลอมเบีย ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ถ้าหากภูริพลเลือกจะไปศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก จะมีลุ้นเหรียญได้มากกว่า แต่การไปแข่งกับระดับโลกในชิงแชมป์โลกก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี

สุดท้ายแล้ว สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ เลือกที่จะถนอมร่างกายของบิวด้วยการสละสิทธิ์ไม่ไปแข่งขันชิงแชมป์โลก แล้วไปใส่เต็มกับรายการเยาวชนชิงแชมป์โลกแทน เนื่องจากไม่อยากให้สภาพร่างกายกรอบเกินไป และรายการชิงแชมป์โลกภูริพลยังมีโอกาสเล่นได้ในอนาคตด้วย

แล้วมันก็ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ ของสมาคมกรีฑาฯ เพราะว่าเทพบิวสามารถระเบิดผลงานให้แฟนกีฬาชาวไทยได้ชื่นใจ เพราะในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย บิวสามารถจารึกชื่อเป็นบุรุษที่เร็วที่สุดในโลก สำหรับนักกรีฑาที่อายุไม่เกิน 18 ปี เพราะสามารถทำเวลาได้ถึง 10.09 วินาทีด้วยกันในรอบคัดเลือก

ถึงแม้ว่าในรอบชิงชนะเลิศจะน่าเสียดาย เพราะเจ้าตัวเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 4 ด้วยเวลา 10.12 วินาที แต่พ่ายแพ้ให้กับอันดับ 3 อย่าง เบนจามิน ริชาร์ดสัน ของแอฟริกาใต้ เพียงเสี้ยววินาที แบบที่ต้องใช้ภาพถ่ายในการตัดสิน

แม้ว่าจะน่าเสียดายที่ในประเภทวิ่ง 200 เมตรชาย ภูริพลจะพลาดท่าในรอบรองชนะเลิศ ไม่สามารถเข้าชิงได้ ทำให้พลาดเหรียญที่ตอนแรกถูกยกให้เป็นความหวังต้นๆ ของภูริพลในรายการนี้ด้วย รวมถึงยังมีอาการบาดเจ็บตอนรอบคัดเลือกของ 4 x 100 เมตรชาย ทำให้กรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลกครั้งแรกของบิว กลับมาแบบไม่มีเหรียญรางวัล

นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ “แฝดใหญ่” พล.ต.ต. สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาธิการสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ออกมาเผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าด้วยวัยของภูริพลจะต้องประคบประหงมให้ดี และไม่ควรให้ลงแข่งต่อเนื่องมากๆ มันเป็นไปอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ

 

แต่แค่นี้ผลงานของภูริพลเองก็ถูกยกย่องจากนิตยสาร “เวิลด์ แอธเลติกส์” ว่าแม้จะอายุน้อยกว่านักวิ่งคนอื่นๆ เสียเปรียบเรื่องของร่างกาย แต่ก็ยังทำผลงานได้ดี ซึ่งแม้จะพลาดใน 200 เมตร แต่ด้วยวัยและความสามารถ จะสามารถกลับไปท้าชิงแชมป์อีกครั้งได้แน่นอน

แน่นอนว่าจากผลงานของภูริพลในเวลานี้ คำถามที่ต้องถามกันต่อคือ ในเมื่อเรามีเพชรน้ำงามขนาดนี้อยู่ในมือ เราจะเสริมสร้างหรือผลักดันอย่างไร ให้ภูริพลก้าวข้ามระดับเยาวชนไปสู่ระดับประชาชนอย่างแข็งแกร่ง และก้าวขึ้นไปเป็นนักวิ่งระดับเอเชีย หรือระดับโลกในอนาคตได้

หลังจากจบศึกกรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศโคลอมเบีย ได้มีศูนย์ฝึกกรีฑาระดับโลกมากมายที่ติดต่อให้ภูริพลไปเก็บตัวฝึกซ้อมด้วย

ไม่ว่าจะเป็น Global Sports Communication จากยุโรปโดยมี จอส เฮอร์มันส์ อดีตนักวิ่งทางไกลทีมชาติฮอลแลนด์ เป็นประธาน, CLD CLD SPORTS, LLC CL Davis จากสหรัฐอเมริกา, โดนัลด์ ควอร์รี่ อดีตเหรียญทอง วิ่ง 200 เมตร จากจาไมกา และ Monica ผู้จัดการแข่งขันในยุโรป ซึ่งแต่ละแห่งล้วนแต่ผลิตนักกรีฑาระดับโลกมาอย่างมากมาย

นอกจากนี้ สมาคมกรีฑาฯ ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือการจ้างโค้ชระดับโลกเข้ามาฝึกสอนนักกีฬาในประเทศไทย เพราะเอาจริงๆ นอกจากภูริพลแล้ว กรีฑาไทยยังมีดาวรุ่งอีกหลายดวงที่พร้อมแจ้งเกิด ไม่ว่าจะเป็น “ต้า” สรอรรถ ดาบบัง หรือ ธวัชชัย หีมเอียด ดังนั้น การมีโค้ชระดับโลกมาฝึกที่ไทยเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลย

ขึ้นอยู่กับว่าสมาคมกรีฑาฯ จะเลือกทางไหนในการพัฒนากลุ่มนักวิ่งเหล่านี้ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือตอนนี้ไทยเรามีเพชรน้ำงามอยู่ ที่พร้อมจะเจียระไนให้เป็นเพชรแท้ และสามารถเฉิดฉายในเวทีระดับโลกได้

ซึ่งเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่การชิงชัยในกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ ปีหน้าที่ประเทศจีน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเวทีทดสอบตัวภูริพล และทีมกรีฑาไทยอย่างแท้จริง ในการลุ้นเหรียญรางวัลกรีฑาระยะสั้นแบบนี้

ส่วนเป้าหมายระยะยาว แน่นอนว่าทุกคนคงมองไปถึงการได้เห็นนักกรีฑาของไทยได้เข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย

แต่ถ้าจะเรียกว่าเป็นความหวังใหม่ของแฟนกีฬาชาวไทย คงไม่ผิดอย่างแน่นอน •