“ภูมิธรรม” ลั่น ฝ่ายค้านไม่โหวตกม.ไม่เป็นประชาธิปไตย ย้ำยอมไม่ได้ ทำทุกอย่างแบบไม่แคร์ปชช.

วันที่ 15 สิงหาคม 2565 ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการพิจารณาพรป.เลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีการพิจารณาสูตรหาร 500 อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.50 น. ได้มีรายงานว่าสมาชิก 2 สภา ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้เกิดสภาล่มตามที่คาดการณ์และส่งผลทำให้การพิจารณาสูตร 500 จบลงและกลับไปใช้สูตรหาร 100 ตามข้อเสนอของรัฐบาลว่า

พรรคฝ่ายค้านไม่โหวตกฎหมายเผด็จการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ขัดรัฐธรรมนูญ
ขัดหลักการตามกติกา…แล้วไง!!
ในเมื่อกฎหมายเลือกตั้ง
บัตร 2 ใบหาร 500
ผิดรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของประชาชน

การที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ตราขึ้นไม่ทันระยะเวลา180วันในครั้งนี้ เพราะ “รัฐสภา”ไม่จัดการให้เสร็จ ใน 180 วัน สะท้อนและบอกอะไรกับสังคมไทย และการที่พรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมประชุมทำให้มีความเห็นจำนวนหนึ่งที่ตั้งคำถามต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย

สำหรับความเห็นของผมต่อปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า

1) ฝ่ายค้านยุคนี้ ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดี ไม่ยอมเล่นตามเกมการขับเคลื่อนของกลุ่มผู้มีอำนาจ การไม่โหวตกฎหมายที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ ถูกสั่งมาอย่างมีเบื้องหลังเพื่อรักษาอำนาจตนเอง เป็นอีกท่าทีหนึ่งที่ยังดำเนินการตามกติกา การแหวกวงล้อมครั้งนี้…ถือว่าเราตั้งใจทำสิ่งที่ดี เราชั่งน้ำหนักการขยับตัวในทางออกนี้ ว่าได้ช่วยให้สังคมไทยสามารถขับเคลื่อนต่อไป เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการที่แอบแฝงใช้ประชาธิปไตยเป็นข้ออ้าง

และที่สำคัญการกระทำที่เกิดขึ้นของฝ่ายค้านในครั้งนี้ ก็สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ที่เปิดช่องให้แสดงออกได้ โดยกลับไปใช้ร่างหลักที่เสนอต่อสภาในวาระสอง ซึ่งถือเป็นร่างที่ดีกว่า ถูกต้องกว่าและมีความเป็นประชาธิปไตย ตรงตามรัฐธรรมนูญ มากขึ้นกว่าเดิมโดยมิได้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้นแต่อย่างใด…

2) ชัดเจนว่า…กลุ่มผู้มีอำนาจและนายกรัฐมนตรี ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองเพื่อประโยชน์ต่อพรรคพวกตน หลอกกลุ่มพรรคเล็ก ในสภาฯให้ร่วมกันโหวตสนับสนุน ผ่านมติไม่ไว้วางใจต่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ด้วย “ต้นทุน” หรือ”ค่ากล้วย” ราคาถูก

การใช้เล่ห์เหลี่ยมของรัฐบาล
ยิ่งเปิดเผยถึงความเจ้าเล่ห์ กระทำการเพื่อประโยชน์ของพวกตนและกลุ่มชนชั้นนำโดยไม่สนใจหลักการและความถูกต้อง

มองเห็นสภาฯ เป็นเครื่องมือสำหรับเกมการเมือง นึกอยากจะใช้วิธีหาร 500 ชนิดขัดหลักการทั้งสี่ร่างเพื่อหลอกให้พรรคเล็กตายใจ แม้เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่สนใจ และยังผลักดัน ให้เกิดขึ้นโดยไม่คำนึงถึงผิดถูกและไม่รู้สึกละอายใจกับการพลิกลิ้นเพียงเพื่อประโยชน์ของตน ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนแม้แต่น้อย

ครั้นพอผลการโหวตลงมติไม่ไว้วางใจของพรรคเล็กผ่านความประสงค์เรียบร้อย เมื่อย้อนมาฟังคำตำหนิถึงการกระทำที่ฝ่ายตนจะถูกกล่าวหาว่า “กระทำผิดรัฐธรรมนูญ” หากมีผู้ฟ้องร้อง ก็หันกลับมาปรับมติเสียใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการทางการเมืองของพวกตน บรรลุประโยชน์ของการประหยัด “ค่ากล้วย” ได้เรียบร้อยแล้ว

3)กลุ่ม สว.และสมาชิกสภาฯ ฝ่ายรัฐบาลก็ทำตนเสมือน”หุ่นยนต์ตามสั่ง” ที่ถูกกดปุ่มให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลอย่างชัดเจน

การเป็น “หุ่นยนต์” ที่ฝ่ายรัฐบาลคอยเติมน้ำมันหล่อลื่นให้ เท่ากับหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีตนเอง
ในเมื่อยอมรับการถูกชี้ตัวให้เข้ามาโดยไร้อุดมการณ์ มีแต่ผลประโยชน์จากการทำตามคำสั่ง
ก็ยิ่งพากันลากดึงให้ตกต่ำ กลายเป็นกลุ่มที่ “ทำตามคำสั่ง อายไม่เป็น” ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดในสายตาของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง

การขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่านค้านครั้งนี้ ถือเป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองสำคัญ
ที่ยังคงอยู่บนฐานคิดของการก่อประโยชน์ต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยโดยรวมได้รับโอกาสทำงานการเมืองที่สะท้อนความต้องการทางการเมืองของฝ่ายประชาชนได้มากขึ้น
“เราทำตามกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ สภาล่ม ครั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะก่อประโยชน์ยิ่งต่อการเมืองไทยในวันหน้า ในขณะที่อีกฝ่าย กระทำการทุกอย่างโดยไม่เคยสนใจกฎกติกา…ไม่แคร์ประชาชน แล้วยังจะปล่อยไปได้อย่างไร”