ยิ่งมีคำถามต่อการดำรงอยู่เป็นเวลา 8 ปีในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้นกึกก้องมากเพียงใด ยิ่งมี”ตัวละคร”แปลกๆปรากฏขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นคนอย่าง นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ไม่ว่าจะเป็นคนอย่าง นายกษิต ภิรมย์

คนเหล่านี้ตามปรกติแล้วถนอมเนื้อถนอมตัวอย่างเป็นพิเศษ

แม้ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล จะเป็นแกนนำจากด้านของนักศึกษาในการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร

แม้ว่าตลอดเวลาของการแสดงออกหลังรัฐประหารเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 นายกษิต ภิรมย์ จะค่อนข้างระมัดระวังและยืนระยะความเป็น”นักการทูต”อย่างเหนียวแน่น

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าประเด็นอันเกี่ยวกับ 8 ปีในการดำรง ตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความยวนเย้าและเร้าใจยิ่งในทางการเมือง

ยิ่งเมื่อมีการเผยแพร่ความเห็นของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยิ่งทำให้สังคมเกิดอาการแตกฮือ

เพราะนี่คือความเห็น”ประธาน”กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

 

ถึงแม้ว่าความเชื่อของสังคมจะกำหนดเอาวันที่ 24 สิงหาคมเป็นเกณฑ์กำหนด แต่เชื่อได้เลยว่าวิถีแห่งการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังคงอยู่

เนื่องจากทุกปรากฏการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ล้วนดำเนินไปในลักษณะของปฏิบัติการ”หว่านพืช”ในทาง”ความคิด”

ไม่ว่ามองจากความจริงในทางชีววิทยา ไม่ว่ามองจากความจัดเจนของชาวสวน ทุกกระบวนการ”หว่านพืช”ต้องมีระยะเวลาของมันเสมอ

และระยะเวลาอันจะสำแดงให้ประจักษ์ใน”สัจจะ”ตามบทนิยามที่ว่า”หว่านพืชต้องหวังผล” คนที่ตกเป็นเป้าในทางการเมืองก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

บทสรุปที่ว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน จะทาน

หรือจะทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา จึงมีคำตอบรออยู่

 

ในความเป็นจริง หากมองจากพื้นฐานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การดำรงอยู่ในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 8 ปีก็ต้องยอมรับว่าเหนือความคาดหมาย

แม้จะมี”กองทัพ” แม้จะมี”พรรคการเมือง”เป็นฐานอำนาจ

กระนั้น ความเป็นจริงในทางเศรษฐกิจ ความเป็นจริงในทาง การเมืองก็บ่งชี้ว่าที่อยู่ได้ก็โดยอาศัย”อภินิหาร”เหนือคาดคิด

เพียงแต่ “อภินิหาร”เช่นนี้จะดำรงอยู่ได้อีกยาวนานเท่าใด