บ้า 500 จำพวก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

บ้า 500 จำพวก

 

“บ้าห้าร้อยจำพวก” ตามพจนานุกรม คือคนบ้าที่มีมากมายหลายประเภท สติแตก อาการบ้าภาษาแพทย์เรียกว่า “โรคจิต” มีความผิดปกติทางร่างกาย จิตใจ หลอนว่ามีคนมาทำร้าย “คนบ้า” ลักษณะนี้ จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง มีพฤติกรรมผิดไปจากปกติมากมาย เช่น พูดซ้ำๆ ซากๆ หวาดกลัวกับสิ่งรอบตัว วิตกกังวล จิตระแวง ซึมเศร้า หาทางออกไม่ได้

“บ้า” หมายถึง เสียสติ วิกลจริต สติฟั่นเฟือน หลงใหลมัวเมาในสิ่งนั้นๆ จนผิดปกติ เช่น บ้ากาม บ้ายอ บ้าอำนาจ เป็นต้น

“ห้าร้อย” จำนวน 500 “จำพวก” หมายถึง พวก ประเภท หมู่ เหล่า เมื่อนำ 3 วลีเด็ดมาร้อยเหงือกกันแล้ว เป็น “บ้า 500 จำพวก”

สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยตอนนี้ มีออปชั่นว่าด้วย “ห้าร้อย” เถื่อนกระโจนราวกันนัดหมายกัน จากกติกาเลือกตั้งใหม่ หันไปใช้เขตเลือกตั้ง 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน รวมเป็น 500 คน

แล้วยังบังเอิญว่า เกิดดราม่า สูตรหาร 100 กับสูตรหาร 500 ทับซ้อนขึ้นมาอีก

การประชุม “รัฐสภา” เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีมือมืดส่งซิกให้ “สภาล่ม” ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม วาระสอง เพื่อ “แคนนอน” กระทบชิ่ง

เตะถ่วงให้ “กฎหมายลูก” เลือกตั้งสูตรหาร 500 ที่มีคิวอยู่ในลำดับถัดไป “ล่ม” พิจารณาไม่ทัน ต้องตกม้าตายไปตามระเบียบ ด้วยกรอบเวลา 180 วัน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 สิงหาคม 2565

มีข่าวว่า ห้องเครื่องที่ทำให้ “สภาล่ม” คาบนี้ มีใบสั่งด่วนมาจากกลุ่มผู้มีอำนาจ ที่เข้าข่าย “คนบ้า 500 จำพวก” แอบกดปุ่มให้บรรดา “ลูกหาบ” ไม่ต้องแสดงตนร่วมประชุม บางพวกสั่งให้เซ็นชื่อเสร็จแล้วกลับไปนอนเกาสะดือที่บ้านได้เลย

ก่อนหน้านี้ กติกาการเลือกตั้งใหม่ ว่าด้วยการออกกฎหมายลูก ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้สอดคล้องกับระบบเลือกตั้ง 2 ใบ แยกกันระหว่าง ส.ส.เขต 400 คน กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ที่ยุ่งเป็นยุงตีกัน คือสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จำนวน 100 คน มีมหกรรม “สนามหลวง” ชักเข้าชักออก

ยื้อกันไปฉุดกันมา ระหว่างหาร 100 กับหาร 500 แต่สุดท้าย “พรรคใหญ่เกรงใจพรรคเล็ก” ช่วงก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสียงข้างมากของที่ประชุมรัฐสภาเลยมีมติเห็นด้วยกับหาร 500

โดยการชิงลงมือระหว่างการพิจารณาในวาระ 2 มีการกลับมติจากวาระรับหลักการที่เห็นด้วยการสูตรหารด้วย 100 ส่งผลให้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องชงเรื่องเพื่อแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสูตรหาร 500 กันมือระวิง

รอเพียงกดปุ่มครั้งสุดท้ายในวาระเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ในวาระที่ 3 เพื่อยืนยันใช้สูตรหาร 500 แต่ขณะที่อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง มีมือลึกลับที่ไม่ประสงค์ออกนาม ใช้กลไกสภา ล้มกระดานสูตรหาร 500 ไปอีกระลอก

 

เมื่อเช็กไทม์ไลน์การคลอดกฎหมายลูกเพื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ชักเข้าชักออก จนไข่ดันปวม ตามโปรแกรม วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 “รัฐสภา” รับหลักการกฎหมายเลือกตั้ง วาระแรก จากนั้นตั้งกรรมาธิการพิจารณาร่วม

5 กรกฎาคม 2565 รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.วาระที่ 2 วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 รัฐสภามีมติถอนกฎหมายลูกให้กรรมาธิการทบทวนใหม่ให้สอดคล้องกับสูตรหาร 500

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 มือที่ไม่ประสงค์จะออกนาม กดปุ่มให้ “สภาล่ม” ระหว่างพิจารณา พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม ขึงพืดไม่ให้กฎหมายลูกได้ต่อไป แคนนอนสูตรหาร 500 ตกขอบจอ มีโอกาสตกม้าตายตามความต้องการ เพราะรัฐสภามีเวลาพิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งในวาระ 3 อยู่เพียงวันเดียวคือ วันที่ 10 สิงหาคม จากนั้นจะติดวันหยุดราชการหลายวันติดต่อกัน

วันที่ 15 สงหาคม 2565 ครบกำหนดทำคลอดกฎหมายลูกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 180 วัน เป็นการฆ่านั่งยางร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้งสูตรหาร 500 อย่างเลือดเย็น

“ต้องย้อนเกล็ด กลับไปใช้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้นฉบับที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ชงสูตรให้คณะรัฐมนตรีรับประทาน คือกำหนดให้ใช้สูตรหาร 100 จากระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ”

การเลือกตั้งในสมัยหน้า มีการปรับสัดส่วน และระบบ โดย ส.ส.เขตเลือกตั้งเพิ่มจากเดิมปี 2562 จำนวน 350 คนเป็น 400 คน บัญชีรายชื่อเดิม 150 คน เหลือ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

นำผลการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 มาตั้งสมมุติฐาน มีประชาชนมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ 35 ล้านเสียง เมื่อหารด้วย 100 ผลลัพธ์ที่พรรคการเมืองจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพดานอยู่ที่ 3.5 แสนเสียงต่อ 1 ที่นั่ง

“ซึ่งเป็นฐานคะแนนที่สูงมาก ส.ส.พรรคเล็ก พวกปัดเศษ หมื่นสองหมื่นเสียง พากันดักแด้รับประทานกันด้วยความเสมอภาค”

แต่กรณีที่หาร 500 เอา 35 ล้านเสียง หารด้วย 500 ตัวเลขปริ่มๆ ใกล้เคียงกับของเดิม ราว 70,000 เสียงโดยประมาณการต่อ 1 ที่นั่ง ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างลิบลับ

แถมกรณีที่ใช้บัตร 2 ใบ แบ่งแยกกันชัดเจนระหว่างเขตเลือกตั้งกับบัญชีรายชื่อ จะไม่มีรายการติดติ่ง “พึงมี”

กรณีใช้สูตรหาร 100 พรรคการเมืองใหญ่ที่ได้มี ส.ส.เขตเลือกตั้งมากได้เปรียบเต็มประตู โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 เล่น “ท่ายาก” แตกแบงก์พัน ตั้งพรรคไทยรักษาชาติ ไว้รองรับคะแนนบัญชีรายชื่อ แต่ถูกยุบ ส่ง ส.ส.เขตเลือกตั้งไม่เต็มสูบ ได้ ส.ส.เขตมา 134 ที่นั่ง ขณะที่ “ปาร์ตี้ลิสต์” ติดกับดัก “คะแนนพึงมี” เกมโอเวอร์ ไม่ได้ที่นั่งเลยแม้แต่ตัวเดียว

การที่มือมืดคิดว่าตัวเองฉลาดปราดเปรื่อง สั่งลูกหาบใช้กลไกรัฐสภา ล้มกระดานสูตรหาร 500

พรรคที่ได้รับอานิสงส์ ถูกหวยตีนปวมมากที่สุด คือ “พรรคเพื่อไทย”

นั่งบี้สิวเล่นเฉยๆ ถ้าไม่ “บ้า 500 จำพวก” ตาม “เพื่อไทย” มีโอกาสจะแลนด์สไลด์ ถูกหวยตีนปวม