อัยการชี้-ตร.โล่งคดีแตงโม/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

อัยการชี้-ตร.โล่งคดีแตงโม

 

หลังจากอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีดาราสาวแตงโม ตามที่พนักงานสอบสวนตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอขึ้นมา โดยตำรวจได้ใช้เวลาทำสำนวนคดีนี้ประมาณ 2 เดือน จากนั้นอัยการนำมาพิจารณากลั่นกรองอีก 3 เดือนเศษ

ลงเอยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม อัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว โดยข้อหาหลักคือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยอัยการยืนยันว่า พยานหลักฐานไม่มีอะไรบ่งชี้ว่า คดีนี้เป็นเหตุฆาตกรรม

บทสรุปจากชั้นตำรวจ ผ่านมาถึงชั้นอัยการ อาจจะมีให้เพิ่มเติมข้อหาในบางประเด็น ในบางผู้ต้องหา แต่ไม่ใช่การพลิกสำนวน พลิกข้อหา

ยังเป็นแค่คดีที่แตงโมตกเรือเองเสียชีวิต ไม่มีใครทำร้าย ไม่มีใครทำให้ตาย แต่คนบนเรือมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายประมาท จึงต้องโดนฟ้องในข้อหานี้

บทสรุปในชั้นอัยการ จึงเป็นความชัดเจนอีกระดับของคดี

อย่างน้อยก็อธิบายได้ว่า ที่ตำรวจตั้งข้อหา 5 คนบนเรือว่าประมาท ไม่ใช่การฆาตกรรม โดยมีพยานหลักฐานประกอบ เมื่ออัยการได้รับสำนวนไปตรวจสอบกลั่นกรอง พิจารณาคำให้การ พยานหลักฐานต่างๆ

อัยการมีความเห็นที่ไม่แตกต่างไปจากตำรวจ ไม่ได้หักล้าง ไม่ได้พลิกตลบ

กระแสจากสังคม โดยเฉพาะจากโซเชียล และการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มบุคคล ที่โหมประเด็นฆาตกรรม และโจมตีตำรวจว่าบิดเบือนเพื่อช่วยเหลือคนผิด

เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็เป็นแค่กระแสที่มีแแต่ความเชื่อ แต่ไม่มีพยานหลักฐานอะไรมารองรับ เชื่อกันไปเองเพราะไม่เชื่อถือในตำรวจ

แต่ก็เป็นแค่ข้อสงสัยในบางจุด บางประเด็น ไม่ใช่ภาพรวมของคดี และไม่มีพยานหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน

ขณะที่สำนวนคดีของตำรวจ พร้อมพยานหลักฐานต่างๆ ได้ผ่านการตรวจสอบกลั่นกรองของอัยการ จนมีความเห็นส่งฟ้องตามนั้น

จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่ง ถึงความเป็นปกติของสำนวนคดีและบทสรุปของตำรวจ

เมื่ออัยการสรุปสั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหา โดยเป็น 5 คนบนเรือ และอีก 1 คือกุนซือที่ให้คำแนะนำต่างๆ จากนี้ไปทั้ง 6 ก็จะกลายเป็นจำเลย ขึ้นสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล ซึ่งจะมีการเปิดพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี ภายใต้กระบวนการพิจารณาของศาล

พยานหลักฐานหลายอย่างนั้น เดิมทีตำรวจไม่สามารถแถลงหรือเปิดเผยได้ เพราะต้องรอให้อัยการพิจารณากลั่นกรอง และนำขึ้นสู่ชั้นศาลก่อน

ในกระบวนการชั้นศาล จะมีการเปิดเผยสำนวนทั้งหมด ซึ่งหากสนใจติดตามคดีนี้จริงๆ ก็ควรติดตามการพิจารณาในชั้นนี้ จะได้รู้ว่าตำรวจเอาพยานหลักฐานอะไรมาใช้ในการสรุปคดี

ทำไมพยานหลักฐานของตำรวจจึงชี้ว่า คดีนี้ไม่ใช่ฆาตกรรม แต่เป็นการตกเรือเองของแตงโม โดยคนบนเรือมีพฤติการณ์ที่ผสมผสานเข้าข่ายกระทำการโดยประมาท

ถ้าต้องการค้นหาความจริง ก็น่าจะรอฟังการพิจารณาพยานหลักฐานโดยละเอียดในชั้นศาล

โดยจุดสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด คือ นาทีที่แตงโมตกเรือ ซึ่งมีคำให้การของ “แซน”นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ที่ยืนยันว่าตนเองอยู่ใกล้ชิด โดยแตงโมมานั่งปัสสาวะท้ายเรือ แล้วตกลงน้ำไป

จะต้องมีการเบิกความยืนยันในศาล และต้องมีการพิจารณาพยานหลักฐานประกอบ ว่าเป็นคำให้การที่สอดคล้องจริงหรือไม่

แม้แต่สภาพศพของแตงโม ในจังหวะที่นำขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา และมีการบันทึกภาพถ่ายเอาไว้ ก็มีรายงานข่าวว่า ภาพถ่ายได้บ่งบอกว่า สภาพบอดี้สูทของแตงโมมีสภาพไม่เรียบร้อยบริเวณเป้า ตรงกับที่แซนอธิบายท่าทางของแตงโมในนาทีที่ปัสสาวะและตกลงไปในน้ำ

นอกจากนี้อีกประเด็นสำคัญในสำนวนคดี คือ จากการตรวจสอบมือถือของคนบนเรือทั้ง 5 พบว่าหลังนาทีที่แตงโมตกเรือลงไปในน้ำ แล้วมีการนำเรือวิ่งวนอยู่พักหนึ่งเพื่อค้นหาแตงโม ซึ่งมีหลักฐานคือบันทึกจีพีเอสของเรือ

จากนั้นในช่วงประมาณ 15 นาทีหลังเกิดเหตุ พบว่าโทรศัพท์ของคนทั้ง 5 ได้มีการโทร.ออกอย่างถี่ยิบ ไปถึงเพื่อนสนิท และบุคคลที่ต้องการปรึกษา เป็นช่วง 15 นาทีหลังเกิดเรื่องใหม่ๆ หมาดๆ ยังไม่มีการปรึกษาหารือหรือตระเตรียมวางแผนอะไร

ตำรวจได้สอบปากคำบุคคลต่างๆ ปลายสายที่มือถือของคนบนเรือทั้ง 5 โทร.ออกไปหา ผลการสอบปากคำได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน คือ ทั้ง 5 โทร.ไปหาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ด้วยความตระหนกตกใจ และขอคำแนะนำว่าควรจะทำอะไรอย่างไร

การบอกเล่าเหตุการณ์ของคนทั้ง 5 บนเรือ ไปยังคนต่างๆ กว่าสิบสายนั้น เป็นการบอกเล่านาทีแตงโมตกเรือที่เหมือนๆ กัน และตรงกับคำให้การของคนบนเรือทั้ง 5 ที่ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนด้วย

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ คงจะได้รับรู้กันในการพิจารณาชั้นศาล

เหตุการณ์ดาราสาวแตงโมตกเรือ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หลังยืดเยื้อมา 5 เดือนเศษ กว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนโดยคำสั่งฟ้องของอัยการ ที่รองรับสำนวนคดีตำรวจได้ในระดับหนึ่ง และยืนยันได้ชัดเจนว่า ไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ว่าเป็นฆาตกรรม

ตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมไทยที่ติดตามข่าวนี้อย่างสนใจ ตกอยู่ในท่ามกลางความสับสน เมื่อมีกลุ่มคนเคลื่อนไหวโหมกระแสว่าเป็นคดีฆ่า มีการฆ่าแตงโม พร้อมมีการเล่าเรื่องราวอย่างพิสดารต่างๆ นานา

กระแสสังคมโหมอย่างหนัก โดยคนส่วนใหญ่เชื่อไปแล้วว่า แตงโมถูกฆ่า เพราะพื้นฐานของประชาชนไม่ค่อยเชื่อถือตำรวจ พร้อมๆ กันก็เกิดกระแสโจมตีกล่าวหาตำรวจว่าทำลายความยุติธรรม บิดเบือนพยานหลักฐานเพื่อช่วยฆาตกร

แต่เมื่ออัยการกลั่นกรองสำนวนคดีและมีบทสรุปแล้ว พอจะรับรองได้ว่า สำนวนคดีและพยานหลักฐานของตำรวจนั้น ไม่มีการบิดเบน ไม่ใช่การทำคดีมั่วซั่ว กลบเกลื่อนการฆ่า

ดังนั้น เมื่อคดีแตงโมดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้ มีการตรวจสอบกลั่นกรองชัดเจนแล้วเช่นนี้ เราคงจะได้เห็นการเคลื่อนไหวจากฝ่ายตำรวจ เพื่อฟ้องร้องกลับผู้ที่ออกมาโจมตีกล่าวหา รวมไปถึงฝ่าย 5 คนบนเรือ ก็คงได้ฤกษ์ฟ้องกลับด้วย

สำคัญที่สุด ฝ่ายที่โหมกระแสฆาตกรรมในคดีแตงโม เมื่อผ่านมา 5-6 เดือนเช่นนี้ ได้แต่พูด โดยไม่มีพยานหลักฐานอะไรมารองรับ กระแสการฆ่าก็คงค่อยๆ แผ่วลงไป

เพราะสำนวนคดีจริง ที่ระบุว่าไม่ใช่การฆ่า ดำเนินไปถึงขั้นขึ้นสู่ชั้นศาลแล้ว

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ออกมายืนยันว่า ตำรวจทำคดีแตงโมตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่การช่วยเหลือใคร ข้อสรุปว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ไม่ใช่การฆ่า ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างชัดเจนรอบด้านแล้ว

รวมทั้งเชื่อว่าบทสรุปสุดท้ายของคดีแตงโม ก็คงเหมือนคดีฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า

ตอนนั้นตำรวจก็ถูกโจมตีอย่างหนักจากนับสืบโซเชียล ว่าจับแพะ เพื่อช่วยเหลือผู้มีอิทธิพลที่เป็นฆาตกรตัวจริง แต่สุดท้ายเมื่อนำพยานหลักฐานขึ้นพิจารณาในชั้นศาล ลงเอย 3 ศาลตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ตำรวจจับกุม เพราะพิจารณาเห็นว่าพยานหลักฐานของตำรวจมีน้ำหนักแน่นหนาจริง

ยังมีอีกหลายๆ คดีที่เป็นไปในทำนองนี้ ไม่ว่าคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ คดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร

มาจนถึงคดีแตงโมตกเรือเสียชีวิต ที่ชั้นนี้ได้บทสรุปชัดเจนโดยอัยการแล้ว!