กลับมาก็ยุ่ง-ไม่กลับยิ่งยุ่งกว่า/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

กลับมาก็ยุ่ง-ไม่กลับยิ่งยุ่งกว่า

 

ช่วงวันเกิด 73 ปีของทักษิณ ชินวัตร มีการจัดงานฉลองให้ในเมืองไทยโดยญาติมิตร ไปจนถึงกลุ่มเสื้อแดง โดยอดีตนายกฯ ทักษิณได้โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับบรรดาคนที่ยังรักใคร่ให้การสนับสนุน แถมมีถ้อยคำที่กลายเป็นประเด็นข่าวก็คือ คำประกาศที่ว่า ปีหน้าเจอกันที่เมืองไทย

แม้ไม่ใช่คำใหม่ เพราะระยะหลังทักษิณเริ่มพูดถึง การเตรียมกลับไทยเร็วๆ นี้ กลับไทยแน่นอนในอีกไม่นาน

แต่ทำให้มีการวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าทักษิณจะกลับมาจริงหรือ

โดยเฉพาะคำว่า ปีหน้าเจอกันที่เมืองไทย สามารถกำหนดเวลาได้ชัดเจนขนาดนี้หรือ!?

เชื่อกันว่า การประกาศจะกลับไทย ปีหน้าเจอกันที่เมืองไทย เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงเป็นเสมือนข้อเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันไปเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ให้ชนะเลือกตั้งเด็ดขาด ชนะแบบแลนด์สไลด์

ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับจำนวน ส.ส.สูงมาก จนทำให้กลไก 250 ส.ว.ไม่สามารถทำงานได้ ก็จะเป็นช่วงที่การเมืองไทยได้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่มีอำนาจขุนศึกขุนนางครอบงำ

บรรยากาศที่มีเสรีภาพ ไม่มีอำนาจนอกระบบควบคุมสั่งการ กระบวนการยุติธรรมคลี่คลาย มีความน่าเชื่อถือ เช่นนี้แหละมีโอกาสที่ทักษิณ รวมไปถึงยิ่งลักษณ์จะกลับบ้านได้

โดยการกลับมาไทยอาจจะมีหลายแนวทาง เช่น กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการกฎหมาย ภายใต้บรรยากาศที่ไม่มืดดำ ก็เป็นหนทางหนึ่ง

ถ้ามองในแง่นี้ ก็เป็นเหมือนคำเรียกร้องจากทักษิณ ในการปลุกประชาชนให้ออกมาเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น

ต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น จึงจะมีโอกาสชนะเด็ดขาด สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือตัวแทนมาสืบต่ออำนาจต่อไป

ทำให้ 250 ส.ว.ถูกปิดสวิตช์ไปโดยอัตโนมัติ

เมื่ออำนาจรัฐเป็นของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว จะทำให้บ้านเมืองคลี่คลายไปได้อย่างแน่นอน

 

ขณะเดียวกัน ในแง่ประชาชนจำนวนไม่น้อย กำลังโหยหาผู้นำประเทศที่จะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ที่กำลังดำดิ่งด้วยปัญหาโควิด ฉุดเศรษฐกิจให้ตกต่ำสุดกู่ จึงเรียกร้องต้องการผู้มีความสามารถในการพลิกวิกฤต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถกระตุกเศรษฐกิจให้พ้นปากเหวให้ได้อย่างรวดเร็ว

ความโหยหาของประชาชนประการดังกล่าว

ทำให้เป็นข้อเปรียบเทียบ ระหว่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กับอดีตนายกฯ ทักษิณได้อย่างชัดเจน

จึงไม่น่าแปลกใจที่เริ่มมีเสียงเรียกร้องอยากให้ทักษิณ หรือคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน เป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเท่าทันโลก เป็นผู้นำรัฐบาล แทนที่รัฐบาลชุดนายพลเอกเหล่านี้เสียที

สะท้อนให้เห็นจากผลโพลที่ฮือฮาไปทั่ว เมื่อการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่า อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ว่าเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยเหตุผลว่า ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง และเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าทำได้จริง

กล่าวกันว่า ยิ่งประชาชนยากลำบากด้านปากท้องมายาวนานหลายปี โดยไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลที่นำโดยอดีตผู้นำกองทัพจะมีวิสัยทัศน์เท่าทันโลก แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

จึงทำให้ประชาชนนึกถึงทักษิณ

เมื่อลูกสาวออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง กลายเป็นความหวังขึ้นมาทันที

นอกจากนี้ ผลโพลดังกล่าวยังเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเป็นอีกคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯ ลำดับถัดมา เพราะเชื่อมั่นในความเป็นคนรุ่นใหม่

จะว่าไปแล้วพรรคก้าวไกลก็เป็นอีกพรรคที่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่ามีความสามารถในด้านเศรษฐกิจ เพราะอดีตผู้นำของพรรคนี้คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรธุรกิจเป็นอย่างสูง เป็นคนหนุ่มไฟแรง ที่คิดไกลไประดับโลก

จึงกล่าวได้ว่า ยิ่งปล่อยให้รัฐบาลปัจจุบันบริหารเศรษฐกิจไป ประชาชนก็ลำบากด้านปากท้องไป

นี่ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคก้าวไกล กลายเป็นโดดเด่นขึ้นมามากขึ้น

 

แน่นอนว่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวเตรียมกลับเมืองไทยของทักษิณ ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามออกมาจุดประเด็นต่อต้าน และปลุกผีทักษิณ ว่าจะทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความวุ่นวายเหมือนกว่าสิบปีก่อน ก็อาจส่งผลให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเบื่อหน่ายบรรยากาศแบบนั้น

แต่ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาธุรกิจการค้า ปัญหาการอยู่กินของชาวบ้าน อาจทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลขุนศึกขุนนางมากกว่า

จึงทำให้เสียงเรียกร้องสูงมากขึ้น เรียกร้องทักษิณ หรือทายาททักษิณ ไปจนถึงหวังให้พรรคการเมืองที่มากด้วยคนรุ่นใหม่ คิดไกล เข้ามาบริหารประเทศแทน

ในทางกลับกัน การไม่เปิดทางให้ทักษิณหรือยิ่งลักษณ์ได้กลับมาเมืองไทย เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็เกิดปัญหาใหญ่อีกแบบ

นั่นคือทั่วโลกจะมองการเมืองไทยว่า ยังไม่ใช่ประชาธิปไตยแท้จริง กองทัพยังมีบทบาทยังแทรกแซงการเมือง ทำให้การเมืองไม่เสรี และตีกันทักษิณโดยขุนศึกขุนนางยังคงรุนแรงอยู่

เช่นนี้ก็กระทบต่อบรรยากาศการมาลงทุนในไทยเช่นกัน

ไม่เท่านั้น หากทักษิณและยิ่งลักษณ์ยังกลายเป็นคนต้องห้าม กลับมาประเทศไทยไม่ได้ ก็จะเป็นปมประเด็นที่จุดความขัดแย้งภายในประเทศต่อไปอีก เพราะมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ไปจนถึงฝ่ายสนับสนุนทักษิณ ก็จะยังต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจของเครือข่ายอนุรักษนิยมการเมืองไทย ต่อไปไม่มีสิ้นสุด

คนจำนวนไม่น้อยไม่ได้รักใคร่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ แต่รับไม่ได้ที่การเมืองมีการใช้อำนาจแบบ 2 มาตรฐาน ทำให้ฝ่ายทักษิณเท่านั้นที่โดนดำเนินคดี กระทั่งไม่สามารถกลับประเทศได้ ถ้ายังเป็นปัญหาเช่นนี้อยู่ เสียงเรียกร้องต่อต้านอำนาจอันไม่ถูกต้องชอบธรรมก็ยังกระหึ่มต่อไป

การเคลื่อนไหวจากหลายๆ ฝ่าย โดยคนใฝ่หาประชาธิปไตย ทั้งคนไม่ได้รักทักษิณ แต่ไม่ยอมทนกับการเมืองที่อยู่ในมือกลุ่มขุนศึกขุนนางอย่างผูกขาดและทำให้ประเทศล้าหลัง นับวันก็จะยิ่งเป็นพลังรุนแรงมากขึ้น

ถ้าบอกว่า ปล่อยให้ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์กลับมา บ้านเมืองจะย้อนกลับไปวุ่นวายเหมือนอดีต

ก็ต้องมองต่อไปว่า ถ้าไม่ยอมให้กลับมา เพราะอำนาจอันไม่ชอบธรรมตีกรอบสกัดกั้น ก็จะเกิดความไม่พึงพอใจจากคนรักประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน คนรักทักษิณ คนเสื้อแดง ก็จะยิ่งเต็มไปด้วยอารมณ์คับข้องใจ ยิ่งเกิดการต่อต้านเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

กลับมาอาจจะวุ่นวาย แต่ถ้าไม่กลับมาก็วุ่นวาย และสร้างความเสียหายต่อภาพรวมของบ้านเมืองมากกว่า เพราะสะท้อนว่าอำนาจนอกระบบยังอยู่เหนือประชาธิปไตยไทย