‘สุชาติ ชมกลิ่น’ ประกาศ ‘แลนด์สไลด์ตะวันออก’ เผยชัดๆ ทำไมต้องหนุน ‘หาร 500’/เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

เปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘สุชาติ ชมกลิ่น’ ประกาศ ‘แลนด์สไลด์ตะวันออก’

เผยชัดๆ ทำไมต้องหนุน ‘หาร 500’

 

“สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ผอ.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.ชลบุรี เพิ่งเดินทางมาสนทนากับรายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี

โดยมีประเด็นการพูดคุยที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

เริ่มจากงานโรดโชว์ของพรรคพลังประชารัฐที่ประเดิมเปิดตัว ณ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งดำเนินตามยุทธศาสตร์ของพรรค ที่หวังจะกวาด ส.ส.ภาคตะวันออก แบบ “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

รัฐมนตรีสุชาติระบุว่า เดิมทีพลังประชารัฐก็มีฐานเสียงที่เข้มแข็งในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ยิ่งเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันมีผลงานที่ประชาชนสามารถจับต้องได้ อาทิ อีอีซี (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ตลอดจนเรื่องการจัดสรรทรัพยากรน้ำและแก้ไขปัญหาเงินกู้นอกระบบ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค โดยตรง

ความนิยมของพรรคพลังประชารัฐในภาคตะวันออกก็ยิ่งพุ่งสูง

“เรามีผู้แทนฯ แทบทุกจังหวัดในภาคตะวันออก เรามีชลบุรีอยู่ 5 คน ตอนนี้อาจย้ายไปอยู่พรรคอื่นคนหนึ่ง (สะถิระ เผือกประพันธุ์ ย้ายไปพรรคเศรษฐกิจไทย) ฉะเชิงเทราเรามี 2 คน ระยองมีคนหนึ่ง จันทบุรีมีคนหนึ่ง (พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ย้ายมาจากพรรคอนาคตใหม่) สระแก้วมี 3 คน ในการที่เราจะขยับพื้นที่ไม่ใช่เรื่องยาก”

“รอบหน้าเรากะว่าชลบุรี 10 เราเอา 10 ระยองเราเว้นไว้ก่อน เรามีอยู่ 1 แต่จันท์มี 3 ต้องเอา 3 ตราดมี 1 ตรงนี้อาจจะ 50/50 ฉะเชิงเทราเราเอา 4 เลย ไปที่สระแก้ว 3 เรามี 3 อยู่แล้ว”

https://twitter.com/i/status/1548261171383439360

ผอ.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.ชลบุรี วางเป้าหมายว่าพรรคจะต้องกวาด ส.ส.ภาคตะวันออก ให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน่าจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก เพราะ ส.ส.ของพรรคไม่ทิ้งพื้นที่และไม่ทิ้งชาวบ้าน

“ส.ส.ภาคตะวันออก หรือ ส.ส.ตามจังหวัดต่างๆ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ พวกนี้เขา (ประชาชน) ไม่ได้ดูกระแสอะไรมาก เขาดูว่าเลือกแล้วจับต้องได้ไหม เลือกแล้วไปหาไปพบเจอไหม พึ่งพาได้ไหม เวลาที่มีความเดือดร้อนหรือมีปัญหาโดนรังแก หรือโดนอะไรที่ไม่มีความยุติธรรมสำหรับเขา เขาต้องพึ่งใคร ก็พึ่งคนที่เขาเลือกคือผู้แทนฯ…”

“ผมเองในส่วนของภาคตะวันออก พี่น้องผู้นำภาคแรงงานวันนั้นไป (งานโรดโชว์พลังประชารัฐ) หลายพันคน มีขบวนรถมอเตอร์ไซค์ไปหลายพันคัน ที่มาให้กำลังใจมาเชียร์ ยุทธศาสตร์การทำงานในภาคตะวันออกทั้งหมดตั้งแต่โควิดเกิดมา เราแก้ปัญหาถูกเป้าหมาย ทำให้บริษัทต่างๆ มีโบนัส 8 เท่า 7 เท่า 6 เท่ากันหมด ส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี”

“เพราะนโยบายรัฐบาลโดยท่านนายกฯ ลุงตู่และลุงป้อม”

ตามมุมมองและประสบการณ์ของ รมว.แรงงาน ยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์ภาคตะวันออก” ของพลังประชารัฐ จึงไม่ใช่ความเพ้อฝันที่ไม่ยึดโยงกับข้อเท็จจริง

“ภาคอีสาน ผมก็ต้องยอมรับว่าผมไม่ถนัดพื้นที่ ผู้แทนฯ ผมมีน้อย แต่ถ้ามาภาคตะวันออก พรรคที่บอกแลนด์สไลด์จะได้สัก 10 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่า?”

 

แต่ใช่ว่าภารกิจในภาคตะวันออกของพรรคพลังประชารัฐและสุชาติจะดำเนินไปอย่างไร้ปัญหา โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งระหว่าง ผอ.พรรค กับ “บ้านใหญ่เมืองชล”

เมื่อถามว่าเขาเคลียร์ปัญหากับ “บ้านใหญ่ตระกูลคุณปลื้ม” เรียบร้อยหรือยัง? นี่คือคำตอบแบบไม่ฟันธง ที่บ่งบอกถึงสถานการณ์และอนาคตบางอย่าง

“คือการเมืองมันถึงคราวที่เราคุยกันแล้ว ถ้ายังไม่คลิก มันรอไม่ได้ คือเราก็คุยกับรัฐมนตรีอิทธิพล (คุณปลื้ม) ที่อยู่จังหวัดชลบุรีด้วยกัน ก็โอเค ท่านรัฐมนตรีอิทธิพลก็รับอาสาตรงนั้นไปแล้วกัน”

“แต่ผม อย่างไรก็แล้วแต่ ผมต้องเดินหน้าแล้ว ตัว (ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี) ที่เราเปิดไปทั้งหมด ก็คือตัวที่เราเตรียมรอไว้นานแล้ว เราต้องเปิด การเมืองมันต้องมีความชัดเจน ถ้ายังไม่ตอบเยสหรือโน มันเลยเวลาที่เราจะรอแล้ว”

“บ้านใหญ่เขาจะไปอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่เขา ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมา การเมืองมันรู้กันอยู่ ว่าใครทำอะไรขนาดไหน”

 

ตามความเห็น รมว.แรงงาน เขายังยืนยันว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ถือเป็นตัวเลือกผู้นำที่ดีที่สุดในขณะนี้ ผ่านอุปมาอุปไมย ซึ่งดูจะกระทบชิ่งไปยัง “หัวหน้าครอบครัว” ของพรรคการเมืองบางพรรค

“ถ้าสมมุติคุณมาหาผม บอก ส.ส.ช่วยผมหน่อย ผมมีปัญหาเรื่องนี้ โดนหน่วยงานนี้รังแก ผมบอกคุณว่า เดี๋ยวรอผมแป๊บนะ ผมไปถามคุณพ่อ คุณแม่ คุณอาก่อน คุณจะเลือกผมไหม?”

“วิกฤตโควิด ถ้าเจอผู้นำแบบต้องกลับไปถามพ่อ แม่ อา ญาติพี่น้อง จะตัดสินใจได้ไหม? จะตัดสินใจแล้วเป็นแบบวันนี้ไหม? ถ้าไม่ใช่ลุงตู่”

“ที่ปรึกษา ทีมแพทย์หมดเลย 28 มิถุนายน 2564 (เสนอ) ให้ปิดเมืองเหมือนเมษายน 2563 นายกฯ บอกว่า ถ้าปิดอย่างนั้น ประเทศไปไม่ได้ ผมถามคุณหมอกลับว่า คุณหมอกลัวเรื่องอะไรก่อน กลัวเรื่องแคมป์คนงาน เพราะคนงานมีการเดินทางจากชายขอบเข้าใจกลางกรุงเทพฯ แวะเซเว่นฯ แวะตลาดนัด (ผมบอก) งั้นก็ปิดแคมป์แค่นั้นเอง ไม่ต้องปิดโรงงาน ปิดไม่ได้”

“แต่ถ้าเกิดวันนั้น คุณเป็นผู้นำประเทศ แล้วบอกจะกลับไปถามคุณพ่อคุณแม่ก่อน ถามคุณอาก่อน ตัดสินใจวันนั้นไม่ได้เลย โรคระบาดมันตัดสินใจได้หลังจากนั้น 3-4 วันเหรอ?”

 

ท้ายสุด รายการสอบถามรัฐมนตรีสุชาติว่า ทำไมพรรคพลังประชารัฐจึงกลับหลังหันไปยกมือสนับสนุนสูตรการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแบบ “หาร 500”

ผอ.พรรคแกนนำรัฐบาล ยอมรับอย่างชัดๆ ว่า ก็เพราะสูตรดังกล่าว “เป็นโทษกับเพื่อไทย”

“ผมต้องยอมรับว่า ผมไม่ได้เก่งกฎหมาย แต่มีคนถามผมเยอะมากตอนระหว่างก่อนจะมาโหวต ถามความเห็นผม ผมก็จะพูดอยู่คำว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า ก็มีพรรคพลังประชารัฐกับเพื่อไทยเป็นสองพรรคใหญ่ (ที่แข่งขันกัน) แล้วคุณอยู่เพื่อไทย ผมอยู่พลังประชารัฐ คุณชอบหาร 100 แล้วผมจะไปเอาตามคุณเหรอ? ผมไม่เก่งกฎหมาย แต่ผมเอาแบบตรงๆ”

“ผมว่าผมไม่เอาตามคุณดีกว่า แล้วผมสู้ในส่วนที่ผมคิดว่าผมสู้ได้…”

“เหมือนซีเกมส์ ประเทศไหนเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ก็ต้องมีกีฬาแปลกๆ ออกมาทุกที เพราะเป็นเจ้าภาพ (เขาได้ประโยชน์ – พิธีกร) อันนี้ (หาร 500) ก็ได้ประโยชน์ผม ผมจะเอาตาม (สูตรหาร 100) เหรอ? ผมเป็นเจ้าภาพ อย่างนี้ผมไม่เอา”