ฟุนซินเปก โลกเก่าบนบ่า ‘รัตนาเทวี’อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

ฟุนซินเปก

โลกเก่าบนบ่า ‘รัตนาเทวี’

 

จากพ่อสู่ลูก จากลูกสู่หลานที่สืบทอดกันมาจากลายเป็น “มรดกวิทยา” แห่งการเมืองกัมพูชา

แต่มันมีจุดเริ่มมาจาก 1955 หลังกัมพูชาได้เอกราชจากฝรั่งเศส 2 ปี นโรดม สีหนุ ทรงสละราชสมบัติและก่อตั้งพรรคการเมืองจนกลายเป็นระบอบการปกครองของพระองค์ซึ่งเรียกกันว่า “สังคมเรียจนิยม”

มีนัยยะว่าเป็นระบอบราชาและประชาราษฎร์นิยมโดยพระองค์เป็นหัวหน้าคณะ แต่เพื่อไม่ให้ดูเป็นชนสามัญจนเกินไปจึงมีตำแหน่งเป็น “ประมุขแห่งรัฐ” เทียบเท่ากับประธานาธิบดีซึ่งมีอำนาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

ระบอบสีหนุราชหรือสังคมเรียจนิยมนี้ มีอิทธิพลต่อกัมพูชาเสมือนเป็นยุคการเมืองใหม่กัมพูชา

จนเกิดคำว่า “ปีสังคม” ติดปากในหมู่ประชาชนยุคนั้นและเรียกกันต่อมา

แต่ในที่สุดระบอบนี้ก็เจอพิษรัฐประหาร 1970 ที่ทำให้องค์สีหนุต้องประทับต่างแดนถึง 22 ปี จึงกลับมาขึ้นครองราชย์ครั้งที่ 2 เมื่อ 24 กันยายน 1993 โอรสของพระองค์ สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ที่ชนะการเลือกตั้ง ได้ทำพิธีสถาปนาตำแหน่งพระมหากษัตริย์แด่พระบิดา

เป็นที่ทราบกันดีว่า สีหนุอยากกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งในนามของพรรคที่ทรงก่อตั้ง ตั้งแต่ยังลี้ภัยในปักกิ่งและตั้งชื่อว่า FUNCINPEC (Front Uni National pour un Cambodge ind?pendant, Neutre, Pacifique, et Coop?ratif) ในปี 1981

ฟุนซินเปกสมัยนั้นยังมีโลโก้สีน้ำเงินที่บ่งถึงเผ่าพันธุ์กษัตริย์ และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในยุคหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งคำขวัญ “ชาติ ศาสนา พะมหากษัตริย์”

และนี่หรือไม่? ที่ทำให้กลายเป็นมรดกกรรม?

ตั้งแต่วันฉลอง “สำเร็จขญม” ในเดือนตุลาคม 1991 ฟุนซินเปกครานั้น เต็มไปด้วยสมาชิกจำนวนมากที่รวมตัวกันในปารีส

แต่เมื่อถึงคราวเลือกตั้งจริง รณฤทธิ์ก็ผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 และสามารถชนะการเลือกตั้งได้ แม้จะถูกฮุน เซน บังคับให้พรรคของตนที่ได้เสียงน้อยกว่าร่วมคณะรัฐบาล

องค์รณฤทธิ์เองนั้น ต้องต่อสู้มาแต่เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งแต่โอรสพี่น้องของราชสกุลนโรดมที่ไม่ปรองดองและพยายามแย่งชิงตำแหน่งนี้ในยุค 90 แต่ปลาสนาการไปหมด เช่น สมเด็จพระองค์เจ้านโรดม จักรพงษ์

แต่ด้วยเลือดที่ข้นกว่าน้ำ ในที่สุดก็สยบลงได้

แต่ฟุนซินเปกก็ยังเผชิญวิบากกรรมไม่สิ้นสุด เมื่อนับว่าพรรคเก่าแก่นี้ได้ก่อตั้งมาถึง 41 ปี และพรรคการเมืองเดียวของโลกยุคที่ก่อตั้งโดยกษัตริย์และดำรงอยู่ได้จนทุกวันนี้

ตั้งแต่รุ่นที่ 1 พระบิดาพระบาทนโรดม สีหนุ จนถึงสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ในรุ่นที่ 2 และฟุนซินเปกเองยังไม่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมใดๆ เมื่อรณฤทธิ์ถึงแก่ทิวงคตเมื่อปีกลายนั้น ฟุนซินเปกในสภามีเพียง ส.ว. 2 ที่นั่ง จากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์

แต่แล้วพระองค์เจ้านโรดม จักราวุธ (52) โอรสองค์โตของรณฤทธิ์ก็ได้รับการประกาศแต่งตั้งเป็นประธานพรรคฟุนซินเปกอย่างน่าประหลาดใจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

และตอกย้ำว่า ฟุนซินเปกได้เป็น “พรรคการเมืองของกษัตริย์และสืบทอดเยี่ยงเดียวกับระบบราชวงศ์โบราณ” อันเก่าแก่เสียยิ่งกว่าระบอบกษัตริย์เขมรยุคใหม่ ที่ใช้การโหวตและแต่งตั้ง ไม่ใช่ระบอบสันตติวงศ์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นโรดม จักราวุธ เป็นเจ้านายที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในปารีสโดยไม่เคยเฉียดใกล้ในการเมืองใดๆ นี่เป็นข้อกังขาถึงคุณสมบัติตามกฎรัฐธรรมนูญใหม่ของกัมพูชา ที่อาจทำให้จักราวุธไม่สามารถดำรงตำแหน่งฟุนซินเปกได้

แต่เนื่องจากการที่จักราวุธมีพระมารดานามว่าเจ้าหญิงนโรดม มารี ที่มีบทบาทสูงในฟุนซินเปกมานาน การพยายามที่จะทำให้ฟุนซินเปกมาเป็นของทายาทโดยมิสนใจว่า โอรส-ธิดาจะยอมรับหรือไม่

นั่นทำให้พรรคฟุนซินเปกยังคงสมบัติที่ไม่อาจพลัดกันชมเพราะเป็นของเฉพาะคนในตระกูลนโรดม โดยเฉพาะทายาทนโรดม รณฤทธิ์ ที่ยังถือเป็นมรดกการเมืองของวงศ์ตระกูล

โดยเมื่อจักราวุธขาดคุณสมบัติที่ว่า นโรดม รัตนาเทวี น้องสาวที่อ่อนกว่า 4 ปี และเธอคือผู้ที่อยู่เคียงข้างรณฤทธิ์บนเครื่องบิน วันที่พ่อถูกฮุน เซน ยึดอำนาจ/1997

แต่รัตนาเทวีก็ยอมรับชะตากรรมเมื่อได้เป็น ส.ส.ของพรรคในปี 2007 ที่จังหวัดกระแจะ ตามมาด้วยตำแหน่งกระทรวงวัฒนธรรมที่องค์นโรดม บุฟผาเทวี-ปิจตุฉาเคยนั่งเป็นเสนาบดี แต่รัตนาเทวีก็ไม่กลับมาเล่นการเมืองอีกเลยเช่นเดียวกับพี่ชายจักราวุธ

ดูเหมือนพี่น้องจะรักความสันโดษจนเคยตัว ประสบการณ์การเมืองของสมาชิกราชวงศ์ตั้งแต่รุ่นสมเด็จอัยกา พ่อแม่และเครือญาติทั้งหมด ไม่ได้ช่วยให้เธอเขาหลงใหลในการเมือง แต่ในที่สุด เมื่อสิ้นวันของบิดา นโรดม รัตนาเทวี ก็กลับยืนบนเส้นทางนี้

นั่นเท่ากับว่า เธอกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจบุรุษการเมืองตระกูลฮุนที่ให้บทเรียนล้ำค่าแก่บิดาของตน

แม้แต่เธอเองก็รับประสบการณ์นั้น เมื่อตกเป็นข่าวซุบซิบกับฮุน มาเนต ประสาหนุ่มสาว ตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ “รัศมีกัมปูเจีย” โดยเป็นที่รู้กันว่า ฮุน เซน เวลานั้น นิยมการดองญาติกับนักการเมืองด้วยกัน และนโรดมก็เป็นหนึ่งในโมเดลนั้น กระทั่งเกิดรัฐประหาร ทุกอย่างจึงสิ้นสุด

แต่ความอื้อฉาวร้าวลึกนั้นยังยืดเยื้อตามมา ตั้งแต่เรื่องที่พ่อมีหม่อมคนใหม่ชื่ออุก พอลลา และแม่-เจ้าหญิงนโรดม มารี ส่งเรื่องฟ้องศาลตามคำแนะนำของศัตรู ซึ่งเท่ากับส่งให้พ่อมีความผิดร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่ห้ามนักการเมืองนอกใจคู่ภรรยา

กรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ต้องลาออกจากพรรค เว้นวรรคการเมืองและอัปเปหิตนไปต่างแดนเพื่อเสียงครหา แน่ล่ะ ผู้ที่ตรากฎหมายฉบับนี้ก็ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮุน เซน คนที่พยายามทำให้นโรดม รณฤทธิ์ หลุดพ้นวิถีการเมืองตลอดเวลา มันจึงยังเป็นการทำลายที่มีเงื่อนงำ เธออยากจะเชื่อเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม พ่อก็ยังไม่เข็ด เมื่อกลับมาตั้ง “พรรครณฤทธิ์” แต่กลับกลายเป็นคู่แข่งฟุนซินเปก ที่มีแม่มารีเป็นผู้นำการหาเสียงในปีนั้นหลังหย่าขาด ช่างเป็นครอบครัวตัวอย่างของการแตกร้าวและห้ำหั่นกันทางการเมือง ที่นโรดม รัตนาเทวี ได้เห็นและประสบมันด้วยตัวเอง

แต่ที่สุด เรื่องร้ายๆ ในครอบครัวนโรดมและการเมืองก็สิ้นสุด

ในการเลือกตั้ง 2018 ที่นโรดม รณฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฟุนซินเปก และสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนนั่นเอง นโรดม รณฤทธิ์ กับหม่อมพอลลาผู้ติดตามเขาไปทุกหนแห่งของการหาเสียง ใครเลยจะนึกว่า นั่นคือการหาเสียงครั้งสุดทาย

เมื่อหม่อมพอลลาเสียชีวิตทันทีจากอุบัติเหตุรถชนที่มีพระสวามีของเธอเป็นผู้ขับ ส่วนสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์ที่หมดสตินั้นถูกตัวไปกรุงเทพฯ

มันยังเป็นอุบัติเหตุที่นำรณฤทธิ์กลับมาสู่ครอบครัวเก่าอีกครั้งที่แวดล้อมไปด้วยลูกๆ และอดีตชายาคนเดิม เจ้าหญิงมารีซึ่งพำนักอยู่ที่ฝรั่งเศสและทำหน้าที่ดูแลโอรสเล็กๆ ของอดีตสวามีที่เกิดกับหม่อมพอลลา

40 เดือนเต็มของตรุงในชีวิตบั้นปลายที่ปราศจากการเมืองใดๆ มีแต่ลูกๆ ญาติมิตรที่ผลัดกันมาเยี่ยมเยียน กระทั่งตรุงจากไปในเดือนธันวาคมของปีกลาย

กระนั้น ก็ไม่มีคาดว่า นโรดม รัตนาเทวี จะยอมรับมรดกการเมืองของบิดาหนนี้ ทันใดนั้น เธอก็ถูกฌับ ญาลีวุธ ซึ่งมีฐานะเป็นลุง กล่าวหาหญิงรัตน์และพี่ชายว่าทอดทิ้งสมเด็จกรมผู้เป็นพ่อให้นอนป่วยระทมพระทัยและสิ้นใจในบ้านพักคนชรา

นี่ไม่ใช่ “หงส์เหนือมังกร” ที่เต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจตามบทละคร เมื่อเจ้าหญิงรัตนาเทวีที่ไม่หงิมๆ ไม่สู้คน ลุกขึ้นมาตอบโต้ลุงซีเนียร์ที่กำลังสูญเสียตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และนี่แหละ การเมืองที่โหดร้าย ไม่มีญาติ-ไม่มีมิตร มีแต่ศัตรู-คู่แข่ง

และผลประโยชน์เท่านั้น

พระเจ้า นี่มันมรดกชีวิตและสังเวียนลิขิตที่เขียนโดยพระบาทนโรดม สีหนุ หรือไม่?

ตั้งแต่อ้อนแต่ออก รัตนาเทวีได้เห็นวิถีเจ็บปวดนั้นจากประยูรญาติผู้ใหญ่ทุกฝ่ายของเธอ แต่ประหลาดไม่มีใครที่ยอมเลิกรา ราวกับว่าเป็นมรดกกรรมที่ทั้งโครมลงมาให้เธอนำพานาวานี้ไปในอีก 12 เดือนแห่งการเลือกตั้งในปีหน้า/2023

ในฐานะทายาท ที่เคยตั้งใจไม่ข้องเกี่ยวใดๆ กับมรดกการเมืองนี้ มาตั้งแต่ที่พ่อถูกรัฐประหาร พรรคถูกทำลาย ครอบครัวแตกร้าว โดยเฉพาะเจ้าหญิงนโรดม รัตนาเทวี นั้นซึ่งชื่อว่าปิดบังชีวิตส่วนตัวมากกว่าสมาชิกนโรดมคนใด

เราจึงได้แต่เฝ้ามองให้ทุกก้าวย่างการเมืองของเจ้าหญิงรัตนาเทวีจะไม่ซ้ำรอยอดีตของบิดา บทเรียนที่ล้ำค่าซึ่งเธอได้เรียนรู้มา

และหวังว่าทายาทการเมืองรุ่น 2 ของตระกูลฮุนจะไม่ใจร้าย ทำลายเธอเยี่ยงบิดา