เปิดโผแรก ส่งออก ‘ทรงวิทย์’ ศึก ‘คอเขียว-คอแดง’ ยึดทัพไทย ตท.22-23 ชิง 5 เสือ ทบ. จัดทัพ 1 ตท.27-28 ชิง/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

เปิดโผแรก

ส่งออก ‘ทรงวิทย์’

ศึก ‘คอเขียว-คอแดง’ ยึดทัพไทย

ตท.22-23 ชิง 5 เสือ ทบ.

จัดทัพ 1 ตท.27-28 ชิง

 

บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ส่งสัญญาณให้ ผบ.เหล่าทัพ ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายพลโผแรกในปลายเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว

ข่าวสะพัดใน บก.ทัพไทย ว่า ฝุ่นยังตลบในการจัดวางระดับหัว ทั้งเก้าอี้รอง ผบ.ทหารสูงสุด และเสนาธิการทหาร เพราะจะเป็นบันไดสู่เก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด

แถมกลายเป็นการชิงกันของทหาร “คอเขียว” กับทหาร “คอแดง” คือ บิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง รองเสธ.ทหาร (ตท.24) ทหารคอเขียว ลูกหม้อที่เติบโตในทัพไทยมายาวนาน กับ 2 นายทหารคอแดง ทั้งบิ๊กบุ๋ม พล.อ.สุวิทย์ เกตุศรี (ตท.23) ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการโครงการพระราชดำริ (ศปร.) และบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทบ.

แม้ พล.อ.เฉลิมพลจะแสดงท่าทีชัดเจนในการให้ความสำคัญกับ พล.อ.ธิติชัย และยืนยันว่า ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร “คอแดง” ก็ตาม

แต่นั่นอาจเป็นท่าทีที่หวังทำให้ทหารคอเขียวทั่วไปสบายใจ และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ต้องสนับสนุน “คนใน” แต่ในความเป็นจริงนั้น รู้กันดีว่า ผบ.เหล่าทัพไม่อาจตัดสินใจกันเองได้ เพราะต้องหารือบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และยังมีนายทหารบิ๊กเนมที่มีบารมีนอกกองทัพ และปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย

เพราะนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของ บก.ทัพไทย ว่าจะนำไปสู่การมี ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะต้องเป็นทหารคอแดงหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นคนที่ 2 ต่อจาก พล.อ.เฉลิมพล ที่เป็นคนแรก

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.

ก่อนหน้านี้ พล.อ.เฉลิมพล ที่ตอนนั้นเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ก็ถูกส่งมาจาก ทบ. มาเป็นเสธ.ทหารคอแดงคนแรก ด้วยการสนับสนุนและผลักดันของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น

ดังนั้น จึงทำให้จับตามอง เพราะโผนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะส่ง พล.อ.ทรงวิทย์มาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ตามโควต้าของ ทบ. นั่นหมายถึง มาจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดด้วย เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์จบจากนายร้อยเวอร์จิเนียร์ VMI สหรัฐ ติดม่านประเพณี รร.นายร้อย จปร. ที่กางกั้นนายทหารจบนอก ไม่ให้เป็น ผบ.ทบ. จนกลายเป็นไลน์ เส้นทางเดินของนายทหารที่จบต่างประเทศ ที่ต้องมา บก.ทัพไทย มาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

แต่การข้ามมาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุดในโผนี้ ยังไม่ได้เป็นการยืนยันว่า พล.อ.ทรงวิทย์จะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป แทน พล.อ.เฉลิมพล ที่จะเกษียณกันยายน 2566

เพราะในโผนี้ คาดกันว่า พล.อ.เฉลิมพลจะดัน พล.อ.ธิติชัยขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหาร ครองอัตราพลเอกพิเศษเหมือนกัน และเป็นความชอบธรรมของ พล.อ.ธิติชัย ในฐานะคนในที่เติบโตมาใน บก.ทัพไทย

แต่ทว่า พล.อ.ทรงวิทย์เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุดคนแรกที่เป็นทหารคอแดง และได้ชื่อว่าเป็นนายทหารที่มีความรู้ความสามารถ แถมต้นทุนทางสังคมสูง แม้ว่า พล.อ.ทรงวิทย์อาจจะเหมาะที่จะเป็นเสนาธิการทหาร ที่ต้องดูแลเรื่องการฝึกกับมิตรประเทศ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่ทว่า พล.อ.เฉลิมพลจะต้องบริหารจัดการอำนาจภายใน

จึงต้องเปิดทางให้ พล.อ.ธิติชัยเป็นเสธ.ทหาร เพื่อทำให้ทหารคอเขียวที่เติบโตตามๆ กันมา ใจชื้นว่า มีที่ให้ขึ้น มีตำแหน่งให้โต ยังมีเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ที่คอเขียวนั่งได้ หลังจากที่เก้าอี้ ผบ.ทบ. ถูกทหารคอแดงยึดแบบถาวรไปแล้ว

พล.อ.เจริญขัย หินเธาว์

และที่น่าจับตามองคือ พล.อ.เฉลิมพลยังมี พล.อ.สุวิทย์เป็นนายทหารคอแดงที่เอาไว้เป็นตัวเลือก หากจำเป็นต้องมี ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง ที่คาดว่า พล.อ.สุวิทย์ น้องรักทหารม้า จะได้ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ในโควต้าของ บก.ทัพไทย แทนบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ที่จะเกษียณ

แต่ พล.อ.เฉลิมพล ก็อาจต้องบาลานซ์ทหารคอเขียว เพราะก็มีบิ๊กแอ๊ด พล.อ.ศิราวุฒิ วงศ์ขันตี ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผบ.สปท) อีกคนที่อยู่ในไลน์

ดังนั้น โผโยกย้ายนี้ พล.อ.เฉลิมพลจะเลือกรอมชอมในการวางตัวแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคตไว้หลายคน แล้วค่อยไปสู้กันอีกทีในโยกย้ายกันยายน 2566 แต่ก็คงทำให้ บก.ทัพไทยถูกจับตามองเขม็ง เพราะจะแข่งขันกันอย่างเข้มข้น เพราะถือเป็นการเดิมพันระหว่างทหารคอเขียวกับทหารคอแดง

หลังจากที่เกิดความแปลกแยก แบ่งพวก ระหว่างทหารคอเขียวกับทหารคอแดง เกิดขึ้นในกองทัพ โดยเฉพาะใน บก.ทัพไทย

พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง

ขณะที่กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เผชิญกับแรงกดดันไม่น้อย ในการจัดวางตัวระดับ 5เสือ ทบ. และกองทัพภาคที่ 1

โดยเฉพาะเก้าอี้เสธ.ทบ. ที่เพื่อน ตท.22 ต่างสนับสนุนให้แม่ทัพเกรียง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก แทนบิ๊กติ่ง พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เพื่อน ตท.22 ที่จะเกษียณ เพราะ ผบ.ทบ.จะต้องมีเสธ.ทบ.คู่ใจ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นด้วย

เพราะ พล.ท.เกรียงไกร ที่เติบโตมาจากชายแดนภาคใต้ และเก่งงานมวลชน และเป็น ผอ.รมน.ภาค 4 เพราะเสธ.ทบ. จะต้องเป็นเลขาธิการ กอ.รมน.ด้วย และอาจจะต้องเป็นโฆษกกองทัพบก เช่นเดียวกับ พล.อ.สันติพงศ์ด้วย

แต่ทว่า มีแคนดิเดตจากรุ่นน้อง ตท.23 ที่จ่ออยู่ อย่างบิ๊กโซ่ พล.ท.ชนาวุธ บุตรกินรี รองเสธ.ทบ. ที่เติบโตในฝ่ายอำนวยการ และกรมยุทธการทหารบก มาตลอด

พล.ท.ชนาวุธเป็นเพื่อนรักของบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทบ. ที่คาดว่าโผนี้จะขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอาวุโส จ่อเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ดังนั้น พลังอาจยังไม่แรงถึงขั้นดันเพื่อนนั่งเสธ.ทบ.ได้

นอกจากนั้น ยังมีชื่อบิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.23) อีกคน ที่อาจชิงเก้าอี้เสธ.ทบ. เพราะโดยสถานการณ์ทางการเมือง ที่คาดกันว่า ในปี 2566 จะมีการเลือกตั้ง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย และอาจเกิดความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นตามมาได้

พล.ต.บรรยง ทองน่วม

ตําแหน่งเสธ.ทบ. เปรียบเสมือนพ่อบ้าน ทบ. ที่ดูแลทุกอย่างก่อนถึง ผบ.ทบ. และเป็นเลขาฯ กอ.รมน. และเสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการ ทบ.ด้วย อาจจำต้องมีนายทหารที่มีความเข้มข้น เด็ดขาด มาทำหน้าที่นี้ แถมทั้งเป็นนายทหารคอแดงจากสายบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นน้องรักของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย

แต่ไม่ว่าอย่างไร เพราะกระแสรุ่น ตท.22 แรงเสมอ อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เป็นคนรักเพื่อน และ พล.ท.เกรียงไกรก็เป็น ตท.22 ที่ยังไม่เกษียณ แถมเป็นแม่ทัพภาคด้วย หากเป็นเช่นนั้น จะถือเป็นครั้งแรกของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่นานๆ ครั้งจะได้ขึ้น 5 เสือ ทบ. เป็น ผช.ผบ.ทบ. และเสธ.ทบ.

เพราะสำหรับ พล.ท.สุขสรรค์นั้น ตามไลน์ก็จะต้องขึ้น ผช.ผบ.ทบ.อยู่แล้ว หากไม่ได้เป็นเสธ.ทบ. เพราะหากได้เป็นเสธ.ทบ. ก็จะเป็นเสธ.ทบ.คนแรกที่เป็นทหารคอแดง แม้ว่าตามไลน์แม่ทัพภาคที่ 1 มักจะขยับขึ้น ผช.ผบ.ทบ.ก็ตาม แต่ที่ผ่านมา เคยมี พล.อ.ประยุทธ์เองก็ขยับจากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเสธ.ทบ.ก่อนเป็นรอง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ. รวมทั้งบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. ที่ขยับจากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเสธ.ทบ.เช่นกัน

แม้ว่าโอกาสที่ พล.ท.สุขสรรค์จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต จะมีน้อยก็ตาม เพราะมี พล.อ.เจริญชัย เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ที่โตจาก พล.ร.2 รอ.เหมือนกัน และเป็นน้องรักสุดเลิฟของบิ๊กตู่ เป็นเต็งหนึ่ง และเกษียณกันยายน 2567 พร้อมกัน แต่อะไรก็ไม่แน่นอน

งานนี้อาจต้องถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะต้องช่วยตัดสินใจ เพราะล้วนเป็นน้องรักที่เห็นมาตั้งแต่เป็นนายร้อยหนุ่มๆ ทั้งนั้น แต่ทว่า ใครจะเหมาะกับสถานการณ์ในอนาคตอันใกล้นี้มากกว่า

พล.ต.อมฤต บุญสุยา

ขณะเดียวกัน การจัดวางตัวขุนพลในกองทัพภาคที่ 1 ก็กำลังเข้มข้น เพราะกองทัพภาคที่ 1 คุมกำลังรบหลักภาคกลาง และเมืองกรุง จนถูกเรียกว่าเป็นกองทัพปฏิวัติ

เมื่อ พล.ท.สุขสรรค์ขยับขึ้น 5 เสือ ทบ.ในโผนี้ ก็คาดกันว่า บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) แม่ทัพน้อยที่ 1 สายบูรพาพยัคฆ์ แถมเป็นทหารคอแดงด้วย จะขึ้นตามไลน์มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แทน และทำให้ถูกจับตามองถึงอนาคตที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไปด้วย เพราะเกษียณกันยายน 2568

แต่ก็ทำให้คนจะขึ้นมาเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 แทน ถูกจับตามอง เพราะมีโอกาสสูงที่จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป

โดยมีบิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เพิ่งฝึกหลักสูตรทหารคอแดงของ ทม.รอ. จบออกมา เป็นนายพลคอแดงแห่ง ทบ.คนล่าสุด เต็งหนึ่งที่จะขึ้นพลโท เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 แบบใสๆ เพื่อเตรียมเข้าไลน์คนต่อไป

พล.ต.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ

แต่ก็ต้องจับตาบิ๊กรุ่ง พล.ต.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 ที่ตามไลน์แล้วสามารถขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ได้ แถมทั้งเป็นไปตามหลักการ “ทำนองคลองธรรม” ของ พล.ท.สุขสรรค์ แม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากที่ พล.ต.ชิษณุพงศ์ ถูกขยับแบบผิดฝาผิดตัวมาตลอด

พล.ต.ชิษณุพงศ์ ถือเป็นน้องรัก ตท.26 ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข วัดใจกันมาตอนกระชับพื้นที่คนเสื้อแดงปี 2553 ที่หน่วย พล.ร.2 รอ. ถูกชายชุดดำถล่มโจมตีด้วยกระสุนและระเบิด จนบาดเจ็บมาด้วยกัน และรู้มือรู้ใจกัน

จึงมีชื่อ พล.ต.ชิษณุพงศ์ขึ้นมาตามความชอบธรรมจากกองทัพ แต่ทว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะจัดวางตัวเช่นไร เพราะหากไม่ได้แม่ทัพน้อยที่ 1 ก็อาจจะเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1

เพราะเวลานี้ พล.ต.พนา ถือว่ามาแรง เพราะเป็นนายทหารที่ พล.อ.อภิรัชต์ปั้นมาตลอด แถมเติบโตมาจาก ร.31 รอ. เช่นเดียวกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ด้วย แต่ทั้ง พล.ต.พนา และ พล.ต.ชิษณุพงศ์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 แต่โตมาคนละสาย ระหว่างสายวงศ์เทวัญ กับสายบูรพาพยัคฆ์

เพราะเมื่อโผโยกย้ายเมษายน 2565 ที่ผ่านมา พล.ท.สุขสรรค์เคยสนับสนุนให้ พล.ต.ชิษณุพงศ์ขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 มาแล้ว เพราะตอนนั้นจะขยับบิ๊กหลอด พล.ต.ฐกัด รอดศิริ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นพลโท แต่ในที่สุดทุกตำแหน่งนิ่ง

ดังนั้น คาดว่าโผนี้จะเปลี่ยนรองแม่ทัพภาคที่ 1 ตท.24 เพราะทั้ง พล.ต.ฐกัด และบิ๊กรุน พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐรัศมี จะต้องขยับออกไปขึ้นเป็นพลโท เช่น รองเสธ.ทบ. และเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ. ชดเชยที่ไม่ได้ขยับเมื่อโผที่แล้ว

แต่ปัญหาคือ มีนายทหารในระดับผู้บัญชาการกองพล (ผบ.พล.) ที่จะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 หลายคน ที่ล้วนแล้วแต่เหมาะสม และล้วนเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ในอนาคตทั้งสิ้น

ปัญหานี้เคยทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ต้องยอมนิ่ง ไม่โยกย้ายระดับรองแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.พล. ในโผเมษายนที่ผ่านมา ที่เป็นการชิงเก้าอี้กันของ ตท.26-ตท.27 และ ตท.28 นั่นเอง

พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ

แต่คราวนี้ ถึงคราวต้องตัดสินใจ คาดกันว่า บิ๊กใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา แกนนำ ตท.27 ผบ.พล.ร.2 รอ. น้องรักสายทหารเสือราชินีของบิ๊กตู่ เป็นเต็งหนึ่ง เข้าไลน์สู่รองแม่ทัพภาคที่ 1

ถ้าอีกเก้าอี้หนึ่ง อาจเป็น พล.ต.ชิษณุพงศ์ที่พลาดเก้าอี้แม่ทัพน้อยที่ 1 ก็จะมานั่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ตามหลักทำนองคลองธรรมของ พล.ท.สุขสรรค์

ก็จะเหลือเก้าอี้รองแม่ทัพภาคที่ 1 แค่ตัวเดียว และต้องพิจารณานายทหารคอเขียวให้ได้เติบโตด้วย เพราะทั้ง พล.ต.อมฤต และ พล.ต.ชิษณุพงศ์ ก็เป็นทหารคอแดงทั้งคู่

แต่มีแคนดิเดตหลายคนที่อยู่ในไลน์ โดยเฉพาะ ตท.27 จะขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เช่น จากสายคอเขียว คือ บิ๊กยง พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 จาก ตท.27 ที่มีผลงานในการดูแลชายแดน และเป็น ผบ.พล.มา 2 ปีแล้ว

และยังมีทหารคอแดงอย่างบิ๊กตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.พล.ร.11 ที่นั่งระดับ ผบ.พล.นี้มา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็น ผบ.มทบ.11 แต่อาจเพราะถูกมองว่าอายุน้อย เกษียณกันยายน 2572 ก็อาจจะให้นั่ง ผบ.พล.ร.11 ต่ออีก 1 ปี

ในเวลาเดียวกัน ก็มีความเคลื่อนไหวจากแกนนำรุ่น ตท.28 ที่จะขึ้นมาชิงความได้เปรียบ ในการขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบ ตท.27 ที่ดัน พล.ต.อมฤตขึ้นมาก่อนแล้ว

พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล

จึงมีข่าวสะพัดว่า ตท.28 ส่งบิ๊กไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ ผบ.พล.1 รอ. วงศ์เทวัญคอแดง มาชิงรองแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วย เพื่อให้รองแม่ทัพภาคที่ 1 กระจายรุ่น ทั้ง ตท.26-ตท.27 และ ตท.28 และแชร์อำนาจ ทั้งบูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญนั่นเอง

ด้วยรู้กันดีว่า พล.ต.วรยสเป็นหัวหอกของรุ่น และมีความใกล้ชิดกับแกนนำรุ่นที่มีบารมีหลายคน คนหนึ่ง เช่น เสธ.เก๋ พล.ต.จักรชัย ศรีคชา ผู้ช่วย ผบ.รร.จิตอาสาฯ และเป็นเพื่อนสนิทกับ ผบ.ซัน พล.ต.วณัฐ ลักษณสิริ ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ผบ.ขกท.)

แต่ทว่า พล.ต.วรยสจะเสียเปรียบในเรื่องอาวุโส ทั้งยศและรุ่น เพราะ พล.ต.ธวัชชัยอาวุโสกว่าเพราะเป็นพลตรีก่อน หากไม่ได้ขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ พล.ต.วรยสได้ขึ้น ก็จะยิ่งเกิดปัญหาระหว่างรุ่น พล.ต.วรยสนั้นมีอายุราชการถึงกันยายน 2571 ส่วน พล.ต.ธวัชชัยที่เกษียณ 2572

แต่ประเด็นสำคัญคือ พล.ต.อมฤต ที่จะขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น เกษียณกันยายน 2571 เช่นเดียวกับ พล.ต.วรยส ดังนั้น พล.ต.อมฤตจึงอาวุโสกว่า ได้เปรียบกว่า

ตท.28 จึงส่ง พล.ต.วรยสเข้าชิงชัย เพื่อที่จะเข้าไลน์เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ต่อจาก พล.ต.พนา รุ่นพี่ ตท.26 ที่คาดว่าจะขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 โผนี้ และมีโอกาสเป็น ผบ.ทบ. และมีอายุราชการถึงกันยายน 2570

พล.อ.ทรงวิทยฺ หนุนภักดี

โผนี้จึงเป็นงานหินของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เพราะรู้กันดีว่า สนิทสนมกับ ตท.28 ที่มีแกนนำรุ่นคนสำคัญเป็นแบ๊กอัพสำคัญนั้น จะบาลานซ์อำนาจใน ทบ.อย่างไร

นี่ยังไม่นับรวมระดับ ผบ.พล. ที่ต้องขยับ ที่มี ตท.27 และ ตท.28 ชิงกันหลายกองพล และในบางกองพล ตท.28 ก็ชิงกันเอง

หลังจากที่กระแสข่าวเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. ย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์แผ่วลงไป พร้อมๆ กับความชัดเจนที่จะไปต่อบนถนนการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะไม่แตะต้องเก้าอี้ ผบ.ทบ. ทิ้งทวนก่อนหมดวาระรัฐบาล

แต่ถ้าหลังเลือกตั้งสมัยหน้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ กองทัพก็จะกระเพื่อมไม่น้อย

ดังนั้น หมากกระดานนี้ จึงเต็มไปด้วยเดิมพัน

พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์