‘บิ๊กตู่’ สรุปผลเจรจาสหรัฐ สั่งตั้งศูนย์ข้อมูลการลงทุน ยันหนุน SCG ซื้อถ่านหิน 155,000 ตัน

‘ประยุทธ์’ถกเอกชนไทย สรุปผลเจรจาสหรัฐ สั่งตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อการลงทุน ยันพร้อมสนับสนุนภาคเอกชน SCG เตรียมซื้อถ่านหิน 155,000 ตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 3 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรม Four Seasons กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พบปะกับภาคเอกชนไทย เพื่อรับฟังผลการหารือระหว่างภาคเอกชนไทยกับสภาหอการค้าสหรัฐ และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐ ในการเยือนสหรัฐระหว่างที่ 2-4 ตุลาคม

โดยนายกลินทร์ สารสิน ประธานหอการค้าไทย และผู้บริหาร SCG ได้รายงานภาพรวมการหารือระหว่างภาคเอกชนไทยและสหรัฐว่า ไทยและสหรัฐควรใช้ประโยชน์จากสนธิสัญญาไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์แก่การค้าและการลงทุนทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ พร้อมทั้ง จะมีการร่าง MOU เพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนมากขึ้น มีเป้าหมายเดียวกัน และที่สำคัญมีแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยจะครอบคลุมด้านต่างๆ อย่างคลอบคลุม ที่ไทยและสหรัฐมีศักยภาพ เช่น อาหาร พลังงาน ยานยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ หอการค้าสหรัฐแสดงความยินดีที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างภาคเอชนและรัฐบาลสหรัฐด้วย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงภาพรวมการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐว่า การหารือเป็นไปด้วยความราบรื่น ด้วยความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน และยินดีสนับสนุนการดำเนินงานของภาคเอกชนทั้งสองประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการค้า และการลงทุน และจัดตั้งศูนย์ข้อมูล เช่นเดียวกับ ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้ข้อมูล แนวทาง และทิศทางการค้าการลงทุนเป็นเอกภาพ พร้อมทั้ง สร้างความเข้าใจและการรับรู้เกี่ยวกับนโยบาย กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุนที่รัฐบาลได้ดำเนินการ รวมทั้ง มาตรการสนับสนุนการลงทุนให้กว้างขวาง ทั่วถึง และถูกต้องด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภาคเอกชน เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและสนับสนุน ดังนั้น หากมีข้อเสนอ หรือข้อติดขัด ขอให้แจ้ง รัฐบาลจะได้ดำเนินการเพื่อให้กลไกเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ที่สำคัญ รัฐบาลได้ดำเนินการตามหลัก สิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจ โดยยึดแนวทาง เคารพ คุ้มครอง และเยียวยา เพื่อเป็นไปตามแนวทางของสหประชาชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือ นายกลินทร์ สารสิน ผู้บริหาร SCG ได้ชี้แจงกรณี การซื้อถ่านหินจากสหรัฐว่า SCG เตรียมลงนามซื้อถ่านหินจากภาคเอกชนสหรัฐ 2 ฉบับ รวม 155,000 ตัน เพื่อใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์ และทดแทนการซื้อถ่านหินจากอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันอินโดนีเซียมีความต้องการใช้ถ่านหินสูงขึ้น SCG จึงต้องมองหาแหล่งถ่านหินใหม่ ซึ่งถ่านหินจากสหรัฐมีคุณภาพดีและคุ้มค่าต่อการลงุทน