สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/ราษฏร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————–

ราษฏร

————————-

การรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้น

มีเป้าหมาย ดึง”มวลชนเสื้อแดง” มาตอบสนอง ยุทธศาตร์”แลนด์สไลด์เพื่อไทย”อย่างไม่ต้องสงสัย

จะบรรลุผล หรือไม่บรรลุผล ก็คงต้องติดตามกันต่อไป

แต่กระนั้น เมื่อแลผ่านแว่น วาระ 90 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ที่มีเป้าหมายการผ่องถ่ายอำนาจไป สู่ “ราษฏร”

เส้นทาง ที่พรรคเพื่อไทยเดิน แม้ด้านหนึ่งจะอยู่ภายใต้ข้อกล่าวหาทำเพื่อครอบครัวชินวัตร

กระนั้น ต้องไม่ปฏิเสธว่า จะทำให้ใคร หรือครอบครัวใด ไม่มีทางสำเร็จได้ หากไม่ได้รับฉันทานุมัติจาก”ราษฏร” หรือ “ประชาชน”

ขณะเดียวกัน ผู้เสนอตัวก็มีภาระที่จะพิสูจน์ถึงภาวะ “เพื่อราษฏร”อย่างสูงเช่นกัน

ซึ่งตอนนี้ ด้านหนึ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็กำลังพิสูจน์ ถึงการทำเพื่อประชาชน เพื่อราษฏร อย่างท้าทาย

และกำลังถูกจับตา จะเป็นบรรทัดฐานหรือมาตรฐานใหม่ ให้”นักการเมือง”อื่นๆต้องก้าวผ่านหรือไม่

เชื่อว่า หลายคนเป็นกำลังใจให้สำเร็จ เพื่อยืนยันว่า การเดินตามแนวประชาธิปไตยสามารถทำเพื่อราษฏรได้จริงๆ

และไม่ใช่เฉพาะเวทีท้องถิ่นเท่านั้น หากแต่สามารถขยายไปถึงการเมืองระดับประเทศได้ด้วย

ซึ่ง ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย แต่พรรคการเมืองต่างๆ ก็ต้องพิสูจน์ตรงนี้เช่นกัน

แน่นอนว่า เป็นเรื่องยาก ขนาดเราผ่านการอภิวัฒน์ มา 90 ปี ก็ยังไม่อาจสถาปนา ประชาธิปไตย อันแท้จริงขึ้นมาได้

ยังถูก ต่อต้าน ขัดขวาง ทั้งทางตรง และทางอ้อม อยู่ตลอดเวลา

จำเป็นต้องต่อสู้ต่อไป

และหนึ่งในการต่อสู้ที่ ซ.ต.พ.–ซึ่งต้องพิสูจน์ อย่างหนักหน่วง ก็คือพรรคเพื่อไทยที่เลือกจะให้ราษฏรหนุนแบบแลนด์สไลด์

เพราะ การต่อสู้นี้ไม่ใช่ การชนะเลือกตั้งเท่านั้น หากแต่ต้องชนะท่วมท้นผ่านด่าน 250 ส.ว. จึงจะสามารถก้าวไปยึดกุมการบริหารประเทศได้

แน่นอนถือว่าเป็นเรื่องยากถึงยากมาก แต่ก็ท้าทายว่าพรรคเพื่อไทยจะจูงใจให้ “ราษฏร”สนับสนุนได้อย่างไร

ถามว่าควรจะหมดกำลังใจหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น

อย่างเราผ่าน 90 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ดูจะเหมือนไม่ได้ก้าวไปไหน

แต่การเมือง การปกครองของเรา ก็ได้มีการพัฒนาไปหลายอย่าง จนบางเรื่องแม้จะมีบางฝ่ายบางพวกจะพยายามดึงให้ย้อนกลับไปในอดีต แต่ไม่อาจย้อนคืนกลับไป”จุดเดิมๆ”ได้อีกแล้ว

ยิ่งเมื่อมีเทคโนโลยี่การสื่อสารใหม่ๆเข้ามา ราษฏรสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากและไร้ข้อจำกัดลงทุกที

นั่นจึงทำให้ อัตตาเร่งของการเปลี่ยนแปลงมีมากขึ้น

8 ปีภายใต้การนำของคณะรัฐประหารล่าสุดต้องมีค่าใช้จ่ายมหาศาลสำหรับการดำรงอยู่ของพวกเขา

ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มความแยบยลมากขึ้นทุกทีๆสำหรับการแฝงตัวเข้าไปอยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย

โดยมิอาจดำรงภาพของเผด็จการหรืออำนาจนิยมแบบโต้งๆได้อีกต่อไป

แถมยังต้องอิงแอบใช้ หลัก 6 ประการของคณะราษฏร เพื่อราษฏร

คือ มี”เอกราช-ปลอดภัย-บำรุงความสมบูรณ์ทางเศรษฐกิจ-สิทธิเสมอภาค-เสรีภาพ-มีการศึกษา”

มาโปะหน้าตาของตนเองให้ดูดีเสียด้วย

————-