รองโฆษก ปชป. โต้ ส.ส. พปชร. หยุดอย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ควรเอาเวลาไปทำตามนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคที่หาเสียงไว้ เพื่อช่วยเหลือประชาชน

วันที่ 24 มิ.ย.2565  นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย กล่าวถึงกรณีที่นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ออกมาตอบโต้ ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ และกล่าวพาดพิงพรรคว่าหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถดูแลปัญหาเรื่องสินค้าแพง ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นได้ จึงพยายามตีรวนกลบกระแสข่าว และโยนความผิดให้กับรัฐมนตรีคนอื่นนั้น

ส่วนตัวจะไม่โต้แย้งประเด็นระหว่างนายสัณหพจน์ และ ส.ส.ของพรรคที่นายสัณหพจน์กล่าวถึง แต่จะขอชี้แจงกรณีที่นายสัณหพจน์ กล่าวหาหัวหน้าพรรค ถึงแม้จะไม่ได้มีการระบุชื่อก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าต้องการสื่อถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงที่เป็นรูปธรรม จึงอยากให้นายสัณหพจน์ติดตามข่าวสารทั่วโลกบ้างว่าขณะนี้มีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างที่เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตส่งผลกระทบต่อต้นทุนของสินค้า และส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยรวม

ยืนยันว่า ที่ผ่านมานายจุรินทร์ มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย และได้ดำเนินนโยบายภายใต้อำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยได้ทำงานร่วมกันกับรัฐบาลและทุกภาคส่วนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนายจุรินทร์จะแก้ปัญหาฝั่งลดรายจ่ายแล้ว ยังทำในส่วนเพิ่มรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย แม้ในขณะที่ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์โควิด ก็ยังสามารถสร้างผลงานทำตัวเลขส่งออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. 65 ที่ผ่านมา การส่งออกขยายตัว 19.5% ที่มูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าการส่งออกที่สูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่การนำเข้า ขยายตัว 18.0% ที่มูลค่า 27,400.6 ล้านเหรียญฯ ส่งผลให้เดือนมี.ค. ไทยเกินดุลการค้า 1,459.1 ล้านเหรียญฯ

การที่นายสันหพจน์ ออกมากล่าวว่าตนเองพร้อมที่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจากราคาสินค้าแพง หากนายสัณหพจน์ มีเจตนาดี สร้างสรรค์ ตั้งใจทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างจริงใจ โดยไม่มีเจตนาแอบแฝง ก็เป็นเรื่องที่ดี และถือเป็นโอกาสดีที่นายจุรินทร์จะได้ชี้แจง และทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน

“อยากให้นายสัณหพจน์ เป็นห่วงพรรคที่ตนเองสังกัดมากกว่า เพราะนโยบายที่หาเสียงไว้มีหลายเรื่องที่ไม่ได้ทำ และคนในพรรคก็พากันเงียบเฉยแบบไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มค่าจ้างและค่าแรงที่ระบุไว้ว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท/วัน จบอาชีวะ เงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาท จบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท เพราะถ้าประชาชนมีรายได้ในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้นตามที่หาเสียงไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนได้บ้างในยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา” นางดรุณวรรณ กล่าว