ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | แลนด์สไลด์ เพื่อกอบกู้ประเทศสู่อนาคต

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ปัญหาปากท้องกำลังทำให้ความไม่พอใจของประชาชนต่อรัฐบาลเพิ่มขึ้นทุกวัน

แต่แทนที่รัฐบาลจะแก้สาเหตุที่สร้างความทุกข์ให้ประชาชนจนความไม่พอใจลุกลาม ความพยายามของรัฐบาลในการทำเรื่องที่ควรทำแบบนี้กลับมีน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จที่มองแทบไม่เห็นเลย

เอาเฉพาะเรื่องน้ำมันแพง ถึงตอนนี้ก็ครึ่งเดือนแล้วที่ราคาน้ำมันพุ่งทะยานไม่หยุด เป็นครึ่งเดือนที่คุณกรณ์ จาติกวณิช เปิดเผยข้อมูลว่าโรงกลั่นโกยค่ากลั่นสูงขึ้น 10 เท่าในระยะเวลาเพียง 2 ปี ขณะที่ประชาชนรวมตัวบุกกระทรวงพลังงานเพื่อพบรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สอง แต่ปฏิกิริยาจากรัฐบาลกลับไม่มีเลย

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแถลงกลางทำเนียบว่าจะขอให้โรงกลั่นแบ่งกำไรให้รัฐบาล แต่คำพูดนี้เป็นเพียงการพูดเพื่อเอาใจประชาชนมากกว่าต้องการจะทำอะไรจริงๆ

กลุ่มโรงกลั่นจึงออกมาต่อต้านว่ารัฐบาลเอากำไรโรงกลั่นตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้ ส่วนรัฐมนตรีพลังงานก็บอกว่าไม่มีความคิดนี้ในปัจจุบัน

ราคาน้ำมันที่พุ่งทำให้เงินเฟ้อพุ่งตาม และถ้าเงินเฟ้อพุ่งถึงเลขสองหลักจริงอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนเริ่มบอก รายได้ของประชาชนที่ไม่เพิ่มก็จะมีมูลค่าลดลง สินค้าต่างๆ จึงมีราคาแพงขึ้นโดยเปรียบเทียบ และมาตรการคุมราคาของรัฐบาลก็จะจบด้วยการที่ผู้ประกอบการลดปริมาณสินค้าลง

ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะสร้างผลงานหรือสร้างภาพว่ามีผลงานอย่างไร ความไม่มีจะกินของประชาชนคือความทุกข์รายวันที่จะทำให้ประชาชนสะสมความไม่พอใจรัฐบาลไปเรื่อยๆ จนเหมือนน้ำในกาที่รอวันระเบิด เหลือเพียงแต่จะระเบิดวันไหน, รุนแรงแค่ไหน และในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง

คนจนเมืองคือคนที่เดือดร้อนที่สุดจากความล้มเหลวของรัฐบาล เพราะคือคนกลุ่มที่เปราะบางที่สุดทั้งในแง่รายได้และความมั่นคงทางสังคม

จึงเป็นคนกลุ่มที่อ่อนไหวต่อการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการต่ำที่สุด ขณะเดียวกันก็มีทางเลือกในชีวิตต่ำจนถึงขั้นที่แทบไม่มีอำนาจต่อรองอะไรเลย

เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่าคนจนในชนบทไม่เดือดร้อนจากรัฐบาล นักวิชาการรู้มาเป็นสิบปีแล้วว่ารายได้จากเมืองคือแหล่งที่มาของรายได้ครัวเรือนชนบท พูดแบบชาวบ้านคือคนจนเมืองส่งเงินหรือความช่วยเหลืออื่นให้ครอบครัวต่างจังหวัด ปัญหาคนจนเมืองจึงกระทบคนชนบทโดยตรง

อาจมีผู้โต้แย้งว่าพูดแบบนี้เท่ากับคนชนบทที่ไม่พึ่งพิงคนเมืองนั้นย่อมไม่เดือดร้อนเลย แต่คนชนบทที่เข้าข่ายนี้มีแค่สองแบบ

แบบแรกคือคนที่รวยหรือพึ่งพิงตัวเองได้จนไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใคร

แบบที่สองคือไม่มีใครให้พึ่ง

ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้น่าจะเป็นประชากรหยิบมือเดียว

น้ำมันแพงทำให้ค่าขนส่งแพง และปุ๋ยที่แพงเพราะศึกยูเครนกับปิโตรเคมีก็จะยิ่งราคาพุ่งตามต้นทุนค่าขนส่งยิ่งขึ้นไปอีก ปัญหาคือราคาปุ๋ยสูงขึ้นหนึ่งเท่าตัวตั้งแต่ราคาน้ำมันดีเซลยังไม่ถึงลิตรละ 35 บาท

การขยับขึ้นของราคาน้ำมันจึงอาจทำให้ราคาปุ๋ยมีโอกาสแพงขึ้นไปอีกเกินหนึ่งเท่าโดยปริยาย

คุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าไม่เห็นหัวคนจน แม้แปดปีของคุณประยุทธ์จะเต็มไปด้วยนโยบายที่อ้างว่าทำเพื่อคนจน ความรู้สึกนึกคิดของคนจนหรือคนทั่วไปก็ไม่ได้มองคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ เพื่อคนจนมากนัก ต่อให้คุณประยุทธ์จะยืนยันว่ารัฐบาลเต็มไปด้วยนโยบายแจกเงินดังกล่าวก็ตาม

ในประเทศที่คนส่วนใหญ่คือคนจน วิธีบริหารประเทศแบบคุณประยุทธ์ทำให้รัฐบาลสูญเสียความนิยมจากคนจนไม่มีวันกลับ คนจนชอบเงินฟรีๆ เหมือนคนรวยและคนชั้นกลางชอบของฟรี แต่ของฟรีไม่แน่ว่าจะนำไปสู่สำนึกเรื่องบุญคุณหรือความชื่นชอบ ไม่ต้องพูดถึงความผูกพันทางการเมือง

คุณทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยมักถูกโจมตีว่าใช้เงินสร้างคะแนนนิยม แต่ตรงข้ามกับพลังประชารัฐที่การแจกเงินผ่านนโยบายรัฐกลับไม่สามารถสร้างคะแนนนิยม คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลจนไม่มีอำนาจจัดงบประมาณตั้งแต่ปี 2557 กลับจรรโลงคะแนนนิยมได้ต่อเนื่องเหลือเกิน

ล่าสุด ในการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ศรีสะเกษในนาม “ครอบครัวเพื่อไทย” จำนวนชาวบ้านที่มานั่งฟังปราศรัยทุกเวทีอยู่ที่ 3,000-10,000 จนทำให้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยอมรับว่าเป็นรองเพื่อไทย ขณะที่พรรคภูมิใจไทยยุติการตอบโต้การลงพื้นที่ของเพื่อไทยไปโดยปริยาย

เพื่อไทยปราศรัยโดยมีประเด็นหลักเรื่องความยากจน แต่นอกจากการด่าคุณประยุทธ์เป็นสูตรว่าทำให้คนจนเพิ่มขึ้น คนรวยลดลง พรรคเพื่อไทยกลับเชื่อมโยงปัญหาความจนกับการขาดโอกาส และในที่สุดคือการชี้เป้าให้เห็นว่าคุณประยุทธ์คือต้นตอของความยากจนและการขาดโอกาสในสังคม

ตรงข้ามกับคุณประยุทธ์ที่ทำให้ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องของการรอรับเงินหรือความช่วยเหลือจากรัฐบาล พรรคเพื่อไทยทำให้รัฐบาลเป็นต้นตอปัญหาความยากจนทั้งในแง่ความไม่สามารถและความเขลาของคุณประยุทธ์ รวมทั้งในแง่นโยบายรัฐที่ทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสเป็นเวลานาน

ด้วยการแจกเงินแบบคุณประยุทธ์ คนไทยทั้งประเทศถูกทำราวขอทานที่ต้องรอว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติแจกเงินประชาชนวันไหนและรูปแบบใด รัฐบาลประยุทธ์จงใจสร้างระบบอุปถัมภ์ที่ตัวเองเป็นพ่อขุนเหนือไพร่ที่ต้องพึ่งพิงรัฐตลอดเวลา ขณะที่เพื่อไทยชี้ว่าพ่อขุนตู่ต่างหากคือตัวถ่วงความเจริญ

แน่นอนว่าการโจมตีของพรรคฝ่ายค้านต่อรัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพื่อไทยคือพรรคชนะเลือกตั้ง ปี 2562 และชนะเลือกตั้งทุกครั้งหลังปี 2544 การโจมตีจึงเป็นการสื่อสารทางการเมืองโดยพรรคที่แม่นยำเรื่องการเลือกตั้งที่สุดในประเทศ หรืออีกนัยคือพรรคที่เข้าใจที่สุดว่าประชาชนคิดอะไร

ไม่มีอะไรเป็นเครื่องชี้วัดอย่างเป็นรูปธรรมว่าประชาชนขานรับพรรคเพื่อไทยประเด็นนี้ แต่ที่แน่ๆ คือจำนวนคนฟังเพื่อไทยปราศรัยแบบนี้มากอย่างที่ไม่เคยเห็นในพื้นที่ใกล้เคียงมาก่อน การสื่อสารเรื่องความยากจนของประชาชนว่ามีต้นเหตุจากรัฐบาลจึงมีคนเห็นด้วยมากพอสมควรอย่างแน่นอน

สำหรับคุณประยุทธ์และทุกฝ่ายในระบอบประยุทธ์ ปฏิกิริยาที่ประชาชนมีต่อเพื่อไทยคือสัญญาณอันตรายว่าการล็อกเป้าโจมตีคุณประยุทธ์ในฐานะต้นตอของทุกปัญหาได้หยั่งรากไปในประชาชนแล้ว ขณะที่คุณประยุทธ์ไม่มีใครปกป้อง และไม่อยู่ในฐานะที่จะปกป้องตัวเองในเรื่องนี้ได้เลย

คุณประยุทธ์เป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวครั้งสำคัญของระบอบเผด็จการไทย เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ชนชั้นสูงของไทยพยายามจรรโลงระบอบนี้ด้วยความคิดว่าผู้นำมาจากกระบอกปืนก็ได้ หรือจะเหยียบหัวประชาชนก็ได้อีก หากโยนเศษเงินผ่านงบประมาณโครงการต่างๆ ให้ประชาชน

อย่างไรก็ดี ด้วยจำนวนที่ล้นหลามของเพื่อไทยวันไล่หนูตีงูเห่า พรรคที่ไม่มีอำนาจรัฐมาเกือบสิบปีอย่างเพื่อไทยกลับได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งที่ไม่มีทรัพยากรอะไรในมือเพื่อที่จะควบคุมข้าราชการ, ควบคุมงบประมาณ, ควบคุมกฎหมาย หรือควบคุมผู้มีอิทธิพลทางการเมือง

ด้วยความเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลที่แสดงออกโดยแห่ฟังปราศรัยเพื่อไทย, เลือกชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ, ไปชุมนุมปี 2563 หรือเมนต์ด่าประยุทธ์ทุกช่องทาง คนไทยกำลังให้บทเรียนคุณประยุทธ์ว่าประชาชนไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของผู้มีอำนาจ และการโยนเศษเงินไม่ทำให้คนอยู่ระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์ได้ต่อไป

ไม่ใช่เรื่องลึกลับที่ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าจะจบด้วยชัยชนะของพรรคเพื่อไทย และแม้แต่วุฒิสมาชิกที่คุณประยุทธ์แต่งตั้งให้เลือกตัวเองเป็นนายกฯ ก็พูดคล้ายกันเรื่องนี้ แต่เป้าหมายเพื่อไทยแลนด์สไลด์หมายถึงการได้ ส.ส.เพิ่มจาก 120 กว่าๆ เป็น 375 หรือเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร

ปัจจัยพื้นฐานของเพื่อไทยแลนด์สไลด์คือความไม่พอใจของประชาชนต่อรัฐบาล แต่การแปรความไม่พอใจเป็นคะแนนให้พรรคเพื่อไทยหมายถึงการผลักดันนโยบาย, การมีผู้บริหารนโยบาย และการผู้สมัครที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งอื่นในพื้นที่

ถ้าเพื่อไทยสามารถผสมผสาน 3 เรื่องนี้เข้าด้วยกันได้อย่างกลมกล่อม เลือกตั้งครั้งหน้าก็เอาอำนาจไปตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เลย