“พี่น้อง 3 ป.” โดนเต็มข้อ/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

“พี่น้อง 3 ป.” โดนเต็มข้อ

 

เรียกได้ว่า แทบไม่มีเวลาหายใจกันเลยทีเดียว พักเบรกจากการพิจารณาร่าง “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566” วาระแรก ไปได้ยังไม่ทันไร “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เร่งคีย์ ตีจังหวะ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป แบบฉับพลันได้ใจ

โดยกำหนดโปรแกรมยื่นต่อ “นายชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อบ่ายๆ วันที่ 15 มิถุนายน

“นายหัวชวน” ตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยของญัตติ หากไม่มีความผิดพลาดใด ก็บรรจุวาระเข้าสภาภายใน 7 วัน จากนั้นต้องแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรี “ผู้ถูกอภิปราย” เพื่อให้พิจารณากำหนดวันอภิปราย ใช้เวลาไม่เกิน 4 สัปดาห์ คาดว่าวันระเบิดศึก จะไม่เกินวันที่ 20 กรกฎาคม

ลงเอยตามช่องทางแห่งมาตรา 151 ที่ระบุว่า “สมาชิสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ”

เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้ เว้นแต่มีการถอนญัตติหรือการลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงตามวรรคสี่ เมื่ออภิปรายสิ้นสุดลง ให้สภาผู้แทนฯ ลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ ภายในวันเดียวกับวันที่การอภิปรายสิ้นสุดลง

“มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”

สำหรับรัฐมนตรีที่ “ฝ่ายค้านร่วม” จับร้อยเหงือก เชือดในศึกซักฟอกล็อตนี้ มีด้วยกันทั้งสิ้น 11 ราย ประกอบด้วย 1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี 3. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

สรุป “พี่น้อง 3 ป.” โดนเต็มข้อล่อเต็มแข้ง สะใจพระคุณเจ้าด้วยกันหมดทั้ง “ตู่-ป้อม-ป๊อก” ไม่มีใครรอดสักคนเดียวในศึกครั้งนี้

4. “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 5. “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 6. “นายนิพนธ์ บุญญามณี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 7. “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

8. “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 9. “นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 10. “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ 11. “นายจุติ ไกรฤกษ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

จำแนกแยกแยะรัฐมนตรีที่โดนซักฟอก มาจาก 3 สังกัดพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 6 คน คือ “ตู่-ป้อม-ป๊อก-เฮ้ง-โอ๋-สันติ” ประชาธิปัตย์ 3 คน “อู๊ดด้า-นิพนธ์-จุติ” ภูมิใจไทย 2 หน่อ “เสี่ยหนู-โอ๋”

ทั้ง 3 สังกัดที่เสนาบดีถูกจับขึ้นเขียงดำเนินตามกฎอนิจจัง ลิ้นปี่จุกเท่าเทียมกัน เพราะหัวหน้าพรรค กับเลขาธิการพรรค ส่วนใหญ่ต่างโดนสอยเหมือนกัน “พปชร.” เป็น “พล.อ.ประวิตร-สันติ” ภูมิใจไทย “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” ส่วนประชาธิปัตย์ ล่าสุดมีข่าวว่า “เสี่ยต่อ” ใช้กำลังภายใน ชื่อตัวเองหลุดจากสารบบ “จุติ ไกรฤกษ์” และ “นิพนธ์ บุญญามณี” ถูกส่งมาขัดตาทัพแทน

 

“ญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ” ในคำรบนี้ ถือว่าเป็น ระฆังยกสุดท้าย เมื่อนับจากการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2562 เป็นต้นมา เป็นศึกสั่งลาก่อนครบเทอม 4 ปีของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ตั้งแต่เปลี่ยนนิสัย ปรับรสนิยมจากท็อปบู๊ต ปืนกระบอกเดียวครองโลก ลอกคราบ ถอดหน้ากากมามาดใหม่ ให้ดูดีมีทรง ตามแนวทางประชาธิปไตย เพื่อจัดระเบียบสังคมของประเทศร่วมกับภาคส่วนอื่น ทั้งเอกชน ประชาชน บนพื้นฐาน กติกาเดียวกัน

แตะต้อง ตรวจสอบได้ เมื่อถูกมองว่าไม่มีความโปร่งใส กับแนวทางจารีตใหม่ ที่ฟอกย้อมเพื่อเกิดใหม่ กับกลไกเลือกตั้ง ถือว่าไม่เลว โดนฝ่ายค้านล่อเป้า เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว 3 ครั้ง โดนทุกสมัยประชุม

ตัว “พล.อ.ประยุทธ์” แรกๆ เหมือนคน “ผิวบาง” แตะต้องไม่ได้ มีโรคภัยไข้เจ็บ สะกิดนิดสะกิดหน่อย ฟิวส์ขาด โกรธยังกับใครมาควักหัวใจ แต่เผาเครื่องเข้าบ่อยๆ 3 ครั้ง 3 ครา ปีละหน เสพของหนักเข้ามากๆ ถี่ๆ ตอนนี้ “ชิน” กลายเป็นทนอาวุธไปซะฉิบ

“ศึกซักฟอก” ตามช่องทางแห่งมาตรา 51 ชัยชนะตกเป็นของฝั่งรัฐบาล หรือผู้ถูกอภิปรายมาตลอด นัดสั่งลาเดือนกรกฎาคมนี้ ดูตามทรงมวย ก็น่าจะไม่มีอะไรในก่อไผ่ ชนะแบเบอร์อีกแน่นอน

ยิ่งตามไปดู “ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566” ที่เพิ่งจะผ่านวาระแรกมาหมาดๆ นำผลโหวต รับหลักการมากถึง 278 ต่อ 194 ฐานคะแนนแพ้-ชนะ ขี่กันมากถึง 84 เสียง มาเป็นตัวตั้ง แล้วนำมาเป็นมาตรวัดกับ “ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ”

ผลลงเอยคงจะออกมาใกล้เคียงกัน ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง งานแนวร่วมจาก “พรรคขนาดเล็ก” บางส่วน จะพากันกลัวโรคตายอดตายอยากกันขี้ขึ้นสมอง โอกาสสุดท้าย วาระครบ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ โอกาสกลับเข้ามาอีกครั้งคงยาก

ขณะที่ฝ่ายค้าน ลูกหาบของ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ความโลภ ความอยากครอบงำ ย่อมให้ชื่อตัวเองไปจารึกเป็น “งูเห่า” กันยกฝูง ติดตัว ลบไม่หายไปตลอดชีวิต เหมือนนักเลง-อันธพาล ที่อยากให้คนจำหน้าค่าตาได้ เลยไปสักยันต์เป็นสัญลักษณ์

เช่นเดียวกัน ผู้อภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่มีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนลงมือประเมินสถานการณ์ไม่ดี ออกตัวแรง มีข้อมูลเด็ด เช็กบิลได้กลางสภา คว่ำได้แน่มาตลอด

แต่สุดท้ายมีดสนิมจับ ทื่อๆ บาดคอหอยใครไม่เคยตาย ขี้โม้ ออกตัวแรง ล้อฟรี ตายตอนจบเสมอเลย

แต่ศึกซักฟอกครั้งนี้ เดิมพันแพง เพราะเป็นเกมการเมืองครั้งสุดท้ายของสภาชุดนี้แล้ว

ล้อฟรีไม่ได้อีกแล้ว