Encanto / การ์ตูนที่รัก : นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

 

Encanto

 

จะดูหนังการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Encanto ให้สนุกคงต้องตัดความสงสัยเรื่อง X-Men ออกแล้วดูด้วยแว่นของดิสนีย์ล้วนๆ นั่นคือครอบครัวสุขสันต์นิรันดร

หนังเล่าเรื่องครอบครัวมาดิกราลที่ลูกหลานมีพลังพิเศษกันทุกๆ คน คนหนึ่งทรงพลัง คนหนึ่งมีหูทิพย์ คนหนึ่งแปลงกายได้ คนหนึ่งควบคุมดินฟ้าอากาศ คนหนึ่งหว่านดอกไม้นานาพรรณ หลานตัวจิ๋วพูดภาษาสัตว์ได้

เด็กๆ เหล่านี้เติบโตมาด้วยความปกติสุขพอสมควร อาจจะมีคำพูดว่าเบื่อๆ ภารกิจช่วยเหลือหมู่บ้านจนกระทั่งมิได้เป็นตัวของตัวเองอยู่สักประโยคสองประโยค ไม่ค่อยมีใครแสดงความรู้สึกรังเกียจตัวเองเหมือนเด็กๆ ในเอ๊กซ์เมนสักเท่าไร

 

ที่ว่าเบื่อๆ ภารกิจช่วยเหลือหมู่บ้านนี้ ดิสนีย์ใช้ความงามด้านภาพและความไพเราะของเสียงเพลงกลบคำถามที่เราควรจะมีไปมาก

เช่น บางทีที่พวกเขาเบื่อมิใช่เพราะเบื่อการช่วยเหลือชาวบ้าน อันที่จริงแล้วความสามารถระดับนี้ไม่ควรจำกัดตัวเองแค่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบทของโคลอมเบีย พวกเขาควรมีภารกิจไปกู้โลก

บางทีพวกเขามิได้แค่เบื่อแต่รู้สึกผิดที่มิได้ทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถที่พระผู้เป็นเจ้าให้มา กับแค่ยกลายกเกวียนจะไปพอสร้างความภูมิใจหรือเซลฟ์เอสตีมได้อย่างไร ควรได้ไปยกรถถังหรือขีปนาวุธแล้วขว้างออกไปนอกโลกเสียมากกว่า

ลองนึกภาพเฮอร์คิวลีสทำงานแค่คอยยกจานไปล้าง สัดส่วนของเซลฟ์เอสตีมไม่ไปด้วยกัน

หรือไม่บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเธอมิได้ใส่ชุดซูเปอร์ฮีโร่รัดรูปอวดทรวดทรงเหมือนซูเปอร์ฮีโร่หญิงหลายๆ คน วันๆ ได้แต่ใส่ชุดพื้นเมืองไปทำงานวันศุกร์ แต่สาระของงานไม่ไปกับสัดส่วนของความรู้ความสามารถ

กล่าวโดยสรุปคือพวกเด็กๆ มาดิกราลควรรวมตัวเป็นจัสติสลีกออฟโคลอมเบียเสียมากกว่า

คุณยายอัลม่ามีงานไม่มากเท่าโปรเฟสเซอร์ซาเวียร์ เธอมีหน้าที่ผดุงความภาคภูมิใจของตระกูลแต่มิได้ใส่ใจความรู้สึกของใคร ไม่มีคำถามว่าชาวบ้านรู้สึกอย่างไรที่พวกตนเองต้องพึ่งพิงตระกูลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงตอนจบไม่มีชาวบ้านสักคนตั้งคำถามว่าทำไมเราต้องดูแลตระกูลนี้

ในขณะเดียวกันคุณยายอัลม่าก็ไม่เคยสอบถามความรู้สึกของลูกหลานจริงๆ จังๆ ว่ารู้สึกอย่างไรกับชีวิตที่เป็นอยู่ หล่อนออกมาทีไรก็พูดเรื่องเดียวคือความภักดี และเหตุผลที่ต้องภักดีมีข้อเดียวคือหล่อนเสียสามีไปในการถอยหนีศัตรูมาจนถึงสถานที่ที่เราถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้ว

กล่าวโดยสรุปคือหล่อนเป็นศูนย์กลางโดยมีลูกหลานและชาวบ้านโคจรรอบตัวเอง ชาวบ้านและลูกหลานมีกรอบปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว ใครหลุดจากกรอบนี้ไปหล่อนก็เลิกสนใจ ทำนองเนื้อร้ายต้องตัดทิ้งดังที่พูดกับหลานสาว มิราเบล ซึ่งเป็นคนเดียวของตระกูลที่ไม่มีพลังพิเศษว่า “วิธีที่หลานจะช่วยเหลือครอบครัวได้คือถอยออกไป”

โห! เจ็บมาก

 

ตรงนี้เองที่ดิสนีย์เอามาขยายได้เป็นหนังทั้งเรื่องอย่างตรงประเด็น การเกิดมาเป็นคนไม่เอาไหนที่สุดของครอบครัว ไม่สามารถทำอย่างที่คนอื่นทำ ตกมาตรฐานตรวจสอบคุณภาพของตระกูล แล้วยังไม่มีใครสนใจแม้แต่พ่อแม่ของตนเอง น่าจะเป็นหนึ่งในสุดยอดความเจ็บปวดที่เกิดมาเป็นลูกของบ้านนี้จริงๆ

บางท่านที่ดูอาจจะบอกว่าพ่อแม่ของมิราเบลสนใจนะ สองคนคอยปลอบใจมิราเบลอยู่ทั้งเรื่อง คำตอบคือเท่านั้นไม่พอ ของเห็นชัดเจนทนโท่ว่าเธอเกิดมาไม่ปกติ ไม่สามารถรับพลังวิเศษจากเทียนประจำตระกูลได้เมื่อถึงวัยอันควร แบบนี้ต้องรักษาแน่ๆ มิใช่แค่ปลอบใจไปวันๆ

การปลอบใจไปวันๆ เราเรียกว่าการแสดงความใส่ใจแบบพาสสิฟ (passive) ซึ่งได้ผลชั่วคราว ครั้นนานไปเด็กโตขึ้นฉลาดขึ้นย่อมมีคำถามแน่ว่าเราผิดตรงไหน ที่พ่อแม่ควรทำมากกว่าคือการแสดงความใส่ใจแบบแอ๊กทิฟ (active) ซึ่งทำได้สามวิธี

หนึ่ง พาไปรักษา

สอง ค้นหาความสามารถอื่นที่ซ่อนอยู่อย่างจริงจัง

สาม ป้องกันมิให้ลูกถูกคนอื่นทำร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนในครอบครัว

จะเห็นว่าพ่อไม่ทำอะไรเลยนอกจากชวนลูกมองโลกในแง่ดี แม่ไม่ทำอะไรมากนอกจากบอกว่าใครๆ ก็รักลูก ที่พ่อแม่ทำนี้ดี – แต่ไม่พอ

ดังนั้น เราจึงเห็นมิราเบลหมดใจในตอนกลางเรื่อง เมื่อเธอพบว่าเธอไม่เป็นที่ต้องการของใครและไม่มีใครเลยรวมทั้งพ่อแม่หรือน้องๆ ที่จะช่วยเหลือเธอได้

หนังยังมีตัวละครสำคัญอีกคนหนึ่งคือบรูโนผู้มีศักดิ์เป็นน้า น้าบรูโนหายไปในวันหนึ่งพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบห้ามใครพูดถึง

ส่วนนี้หนังเล่าเรื่องด้วยเพลงที่ฟังเพราะได้ในการฟังครั้งเดียวแล้วทะยานขึ้นอันดับเพลงติดชาร์ตยอดนิยมติดต่อกันหลายสัปดาห์ “We Don’t Talk About Bruno” โน โน โน เรียกว่าหนังจบแล้วต้องขอกรอฟังเพลงนี้กันอีกรอบเลยทีเดียว

บรูโนเป็นสินค้าตกมาตรฐานเช่นเดียวกัน นั่นแปลว่าตระกูลนี้มีการผ่าเหล่าเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับทุกๆ ตระกูลบนโลก ประเด็นสำคัญซึ่งก็เป็นประเด็นที่ดิสนีย์เล่นด้วยตลอดเรื่องคือเราควรจัดการสินค้าตกมาตรฐานนี้อย่างไร จนกระทั่งถึงตอนจบอย่างน้อยก็ดิสนีย์ชวนตั้งคำถามว่าเท่าไรจึงเรียกว่าตกมาตรฐาน

ราชินีดอกไม้อิซาเบลล่าต่างหากที่สมควรเป็นนางเอกตามคำนิยามว่านางเอกควรสวยงามได้มาตรฐาน แต่เธอไม่มีความสุขกับสิ่งที่เธอมีเลย

หนังสนุกสมคำเล่าลือนะครับ งานด้านภาพ งานด้านเสียง เนื้อเรื่องและบทสนทนาลื่นไหลไม่หยุดไม่เปิดโอกาสให้ตั้งข้อสงสัยอะไรระหว่างดู ความยาวก็กำลังพอดีๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป มุขตลกก็พอดีๆ ไม่ใช่รัวใส่กันหูดับตับไหม้ฟังไม่ทันเหมือนบางเรื่อง

ที่สำคัญคือ เป็นหนังการ์ตูนดิสนีย์อีกเรื่องที่ตัวเอกเป็นชาติพันธุ์หนึ่งที่มิใช่ฝรั่งผิวขาว และนางเอกมิได้มีทรวดทรงอ้อนแอ้นวิไลวรรณแต่ประการใด •

 

ชมตัวอย่างภาพยนตร์ “Encanto” ได้ที่นี่