ดื่มน้ำอุ่น อาบน้ำร้อน ดีต่อสุขภาพ

หลายท่านอาจมองว่าเพี้ยนหรือเปล่า อากาศร้อนแบบนี้ มาบอกให้ดื่มน้ำอุ่น อาบน้ำร้อน

ไม่ใช่เรื่องที่คิดเอาเอง เพราะมีข้อมูลทางการแพทย์เผยแพร่มากมาย และเผยแพร่มาเป็นเวลานาน

ว่าการดื่มน้ำอุ่น และการอาบน้ำร้อน ไม่ว่าฤดูกาลไหน ส่งผลดีต่อสุขภาพแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแก่แม่เฒ่า ที่ไทยเราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มี ส.ว.สูงวัยมากมายที่ลูกหลานต้องช่วยดูแลรักษาสุขภาพของท่าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เฒ่าผู้แก่ที่ต้องดูแลตนเองในช่วงหน้าร้อนแบบนี้

ที่ไม่เพียงควรดื่มน้ำอุ่น แต่ต้องงดเว้นเครื่องดื่มอันตราย 4 ชนิด ซึ่งเป็นรายชื่อเครื่องดื่มคลาสสิคที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบ

ทว่า เมื่อดื่มแล้วจะสุ่มเสี่ยงการก่อเกิดภาวะขาดน้ำ นั่นก็คือ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง แอลกอฮอล์ และกาเฟอีน

เพราะกาเฟอีนในชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอลกอฮอล์ จะกระตุ้นไห้ไตขับน้ำออกจากร่างกายมากกว่าน้ำที่ดื่มเข้าไป

ทำให้ปัสสาวะบ่อย และสูญเสียน้ำในร่างกายโดยไม่รู้ตัว นำไปสู่ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง

แน่นอนว่า นอกจากผู้สูงวัยจะต้องงดเว้นเครื่องดื่มอันตรายดังกล่าวแล้ว คำแนะนำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ หน้าร้อนแบบนี้ให้จิบน้ำอุ่น

โดยให้ดื่มทีละน้อย แต่ต้องจิบบ่อยๆ รวมแล้วให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน หรือประมาณวันละ 1,500 CC

เพราะการดื่มน้ำอุ่นเป็นเคล็ดลับสำคัญประการหนึ่งของอายุรเวท ศาสตร์การแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของอินเดีย

ที่กล่าวว่า การดื่มน้ำอุ่น ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยขับไล่ความเย็นออกไป ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ส่งผลดีต่ออวัยวะภายใน เพราะน้ำอุ่นนั้นเป็นตัวช่วยขับสารพิษที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำอุ่นจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

เมื่อดื่มน้ำอุ่นเป็นประจำ ร่างกายจะปรับสมดุล ส่งผลให้จิตใจสงบขึ้น อาการซึมเศร้า และนอนไม่หลับจะค่อยๆ หายไป

นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ลดหวัด คัดจมูก ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี ลดอาการท้องผูก ช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ และที่สำคัญก็คือช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนแบบนี้ ผู้สูงอายุไม่ควรปล่อยให้ตนเองรู้สึกกระหายน้ำเป็นเวลานานเป็นอันขาด

ส.ว.จะต้องดื่มน้ำเติมเข้าไปในร่างกายตลอดเวลา และทันท่วงทีหากเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

กรณีที่เดินทาง ก็ต้องพกน้ำอุ่น หรือน้ำดื่มติดตัวไปด้วยเพื่อใช้จิบระหว่างทาง

 

อย่างไรก็ดี มี Fake News เกี่ยวกับน้ำอุ่น ที่เผยแพร่กันในช่วงที่ COVID-19 ระบาดใหม่ๆ ซึ่งขอย้ำว่านี่คือ Fake News หรือ “ข่าวปลอม”

นั่นก็คือ ข่าวที่ Share ต่อๆ กันมา ว่าการดื่มน้ำอุ่น หรือจิบน้ำร้อน และให้หายใจสูดไอน้ำร้อน ติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน

ในวันที่ 5 เชื้อ COVID-19 ในร่างกายจะตายไปเอง

นี่คือ “ข่าวปลอม” ที่อาจทำให้หลายคนมองน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนผิดไป

กลับมาที่ประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่น ที่นอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราไม่ต้องปรับอุณหภูมิใดๆ เมื่อดื่มน้ำอุ่นเข้าไป

ซึ่งตรงกันข้ามกับการดื่มน้ำเย็น

เพราะทันทีที่เราดื่มน้ำเย็น ร่างกายจะทำงานหนักกว่าการดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น และน้ำร้อน

เนื่องจากร่างกายจะมีกระบวนการปรับอุณหภูมิน้ำเย็นซึ่งต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายภายใน

อย่างไรก็ดี หากไม่มีน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนให้เลือก ขอให้เป็นน้ำเปล่า จะน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำเย็น ก็ดื่มแก้ขัดได้

เพราะถ้าเราดื่มน้ำน้อย จะทำให้เลือดข้น และหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น ซึ่งอาจทำให้ไขมัน และของเสียต่างๆ เกาะติดผนังของหลอดเลือด นำไปสู่อาการเส้นเลือดตีบได้

 

นอกจากการดื่มน้ำอุ่นในหน้าร้อนแล้ว การอาบน้ำอุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำที่ดีสำหรับฤดูร้อนปีนี้ไม่น้อยเช่นกัน

เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าบ้านเราเป็นเมืองร้อน ดังนั้น กิจวัตรประจำวันของคนไทยที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

ยิ่งตอนหน้าร้อนแล้ว บางคนถึงกับอาบน้ำ 3 หรือ 4 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว

โดยบางคนชอบอาบน้ำเย็นเป็นนิสัย นัยว่าอาบแล้วสดชื่น ร่างกายกระปรี้กระเปร่า

แต่หลายคนก็ชอบน้ำอุ่น เพราะทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว และผ่อนคลาย

ทำให้เกิดข้อสงสัยของคนจำนวนมาก ว่าระหว่างการอาบน้ำอุ่น กับการอาบน้ำเย็นนั้น การอาบน้ำแบบไหนจะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

โดยในช่วงที่ผ่านมามีงานวิจัยมากมายที่ชี้ว่าการอาบน้ำอุ่นมีผลดีต่อร่างกายของคนเรามากกว่าการอาบน้ำเย็น

ซึ่งสำหรับหลายๆ คนแล้ว ถึงแม้อากาศจะร้อนอบอ้าวแค่ไหน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ชอบอาบน้ำอุ่น

เพราะนอกจากน้ำอุ่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังทำให้เราอาบน้ำได้นานกว่า จึงมีเวลาทำความสะอาดชำระล้างร่างกายได้นานขึ้น

มากกว่าการอาบน้ำเย็น ที่ต้องรีบอาบ รีบเสร็จ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับในแวดวงความงามแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าการอาบน้ำอุ่นนั้นจะเป็นการเปิดรูขุมขนของเราได้กว้างกว่าการอาบด้วยน้ำเย็น

นอกจากจะทำให้ชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดีกว่าแล้ว ผิวยังรู้สึกนุ่มนิ่มมากกว่าการอาบน้ำเย็น

จะเห็นได้ว่า การอาบน้ำอุ่นนั้นมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความเครียดที่สะสมมาระหว่างวัน

เพราะการอาบน้ำอุ่น หรือนอนแช่น้ำร้อน จะทำให้เส้นเลือดฝอยและกล้ามเนื้อคลายตัว เป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดีภายหลังจากที่เราอาบน้ำอุ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอาบน้ำอุ่นสำหรับผู้หญิงในช่วงก่อน หรือมีประจำเดือน ช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ลดอาการเกร็งช่องท้อง และลดอาการปวดท้องน้อย

รวมถึงช่วยลดอาการบวมของร่างกายในส่วนต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอีกด้วย

 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าการอาบน้ำเย็น

ทว่า การอาบน้ำอุ่นทุกวันมีผลทำให้ร่างกายเสียความชุ่มชื้นไปบ้าง และอาจทำให้ผิวแห้งกร้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามอาบน้ำอุ่นหลังจากการเล่นกีฬา เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น จนรู้สึกอ่อนเพลีย

การอาบน้ำอุ่นตอนเช้า ร่างกายจะรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว พร้อมเริ่มวันใหม่ที่สดใส

ส่วนในตอนเย็น การอาบน้ำอุ่นช่วยคลายความตึงเครียด และช่วยให้นอนหลับสบาย

แต่หากเหนื่อยล้ามากๆ สามารถใช้วิธีอาบน้ำอุ่นสลับน้ำเย็น น้ำละ 10 นาที เพื่อกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นสดใสได้อย่างรวดเร็ว

และอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น อย่าลืมสำรวจปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สภาพอากาศ และสภาพร่างกายในขณะนั้น

เพื่อให้การอาบน้ำดีต่อสุขภาพร่างกาย และไม่ทำร้ายผิวพรรณ

ที่สำคัญควรใช้ปลายเท้าสัมผัสน้ำก่อนอาบทุกครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับอุณหภูมิตัวเองก่อน

และป้องกันการช็อกหมดสติ และอาการวูบฉับพลันระหว่างอาบน้ำ