แรมโบ้ถูกหวย ซวยถึง “ประยุทธ์” ?

ถูกหวย “การเมือง” เข้าอย่างจัง สำหรับ “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงศ์

หลังทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กเปิดเผยคลิปเสียงการสนทนา ที่ระบุว่าคล้ายเสียงของนายเสกสกล ในฐานะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี และยังสวมหมวกประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา การเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด

สนทนากับนักการเมืองหญิงคนหนึ่งมีน้ำเสียงคล้ายนางจุรีพร สินธุไพร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ

เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า ช่วงการเลือกตั้งเคยได้รับเงินจากบุคคลปริศนา 15 ล้านบาท เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนี้บุคคลผู้นี้กำลังถูกตำรวจตรวจสอบเกี่ยวกับโควต้าสลากฯ จึงเกรงว่าบุคคลดังกล่าวจะอ้างชื่อ และทำให้การกวาดล้างกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวกับโควต้าสลากฯ เสียหาย โดยนำเรื่องเงิน 15 ล้านบาทมาเปิดเผย

ช่วงหนึ่งชายในคลิประบุว่า “มันมาหาพี่ มันเป็นเพื่อนพี่แล้วมันก็อยู่ ตอนนั้นมันก็ไม่รู้ประวัติมันว่าเป็นเรื่องโควต้าล็อตเตอรี่ มันก็เอาเงินมาให้พี่ ช่วยพี่เลือกตั้ง 15 ล้าน พี่สู้กับโรงแป้งหมดเป็น 100 ล้าน”

ต่อมา นายเสกสกลและนางจุรีพรยอมรับว่า เสียงในคลิปเป็นเสียงการสนทนาของพวกตนจริง

แต่เป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันเท่านั้น แล้วมีผู้ไม่หวังดีแอบอัดคลิปนำไปเผยแพร่

นายเสกสกลอ้างว่าเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โทรศัพท์ติดต่อนางจุรีพรที่รู้จักกันมานานร่วม 20 ปี พูดคุยกันหลายเรื่อง ในคลิปเสียง นางจุรีพรสอบถามเรื่องโควต้าล็อตเตอรี่ ซึ่งได้บอกไปว่าไม่มีอำนาจให้โควต้าหวยใคร

โดยก่อนหน้านี้มีตัวแทนของบริษัทที่เคยเข้าไปจับกุมมาเจรจาผลประโยชน์ ให้มากมายนับร้อยล้านบาท ซึ่งได้ปฏิเสธไป

ดังนั้น หากต้องการเงินจริงคงไม่ไปขอจากนางจุรีพร

ส่วนสาเหตุที่ถูกกระทำมี 2 สาเหตุคือ เกมการเมือง และการทำหน้าที่ไปทำให้นายทุนเสียผลประโยชน์จากหวยมูลค่านับหมื่นล้านบาท

ด้านนางจุรีพรกล่าวว่า เหตุดังกล่าวมาจากการที่ตนไปรับประทานอาหารกับครอบครัว ขณะที่พูดคุยกับนายเสกสกล ได้เปิดลำโพงเสียง ทำให้ “นายกิ๊ก” ที่ติดตามมาด้วยทำการบันทึกเสียงไว้ ต่อมาได้นำไปเผยแพร่ ซึ่งตนพยายามติดต่อเพื่อถามสาเหตุที่กระทำ แต่ติดต่อไม่ได้

จึงมาแจ้งความดำเนินคดีร่วมกับนายเสกสกล

ทั้งนี้ นายเสกสกลระบุว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า นายเสกสกลได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการที่เขาทำ และพฤติกรรมที่ผ่านมาในอดีต ก็ขอให้ดูสิ่งที่เขาทำในวันนี้

“ผมก็ให้โอกาสเขา…เรื่องเก่ากับเรื่องใหม่อย่าเพิ่งเอามาปนกัน ผมได้บอกไปว่าให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด… เมื่อเป็นเรื่องขึ้นมาก็เข้าไปตรวจสอบจริงหรือไม่ เขาแก้ปัญหากันอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ก็ฟังทั้ง 2 ทางสิ ในเรื่องของการบริหาร และถ้ามันผิดกฎหมายก็ไม่เอาใครไว้ทั้งนั้นแหละ”

คำว่า “ผมก็ให้โอกาสเขา” ที่หลุดจากปาก พล.อ.ประยุทธ์

ถูกตีความไปในแทบจะทันทีว่านี่คือการอุ้ม “แรมโบ้อีสาน”

ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ที่ผ่านมา นายเสกสกลเล่นบทบาทองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์อย่างโดดเด่น

โดยเฉพาะอาศัยความเป็นแกนนำคนเสื้อแดง เป็นอดีตคนในสังกัดของนายทักษิณ ชินวัตร คอยย้อนเกล็ดตอบโต้ ยามเมื่อมีการพาดพิงหรือโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ซึ่งดูจะเป็นที่พออกพอใจของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างยิ่ง

ขณะเดียวกันยังประกาศชัดเจน ที่จะเป็นนั่งร้านทางการเมืองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

โดยเตรียมการสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นทางเลือกสำรองสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์

ในกรณีที่มิอาจเดินร่วมไปกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุมบังเหียนได้

ทั้งนี้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะยังไม่ท่าทีชัดเจนว่าจะใช้บริการพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่

แต่แรมโบ้อีสานก็ขับเคลื่อนพรรคนี้ต่อไป

โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ก็ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะโนเนม และไม่มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ใดๆ

แต่นายเสกสกลบอกว่าให้จับตาเปิดตัวบิ๊กเซอร์ไพรส์ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้

โดยพรรคมีจุดยืนชัดเจน ว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อ

ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็จับตามองการที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะไปไหน

แต่ก็มีการมองว่า พรรครวมไทยสร้างชาติที่นายเสกสกลตั้งไข่ไว้ อาจเป็นทางเลือกของนายพีระพันธุ์เพื่อที่จะเตรียมการรองรับ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้

นอกจากบทบาทองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์

นอกจากบทบาทผู้ปูพื้นฐานพรรคการเมืองไว้รองรับ พล.อ.ประยุทธ์

กรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลนี้นอกจากแรมโบ้อีสานจะถูกมองว่ามาแก้ไขความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องซื้อหวยแพงแล้ว

บทบาทของแรมโบ้อีสานยังถูกโยงไปประเด็นการเมือง

ว่าอาจมีภารกิจ “แฝง” คือเข้าไปตัดน้ำเลี้ยงฝ่ายที่ถูกมองว่าเป็นหอกข้างแคร่ของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

โดยคนกลุ่มนี้ถูกมองว่า มีผลประโยชน์มหาศาลจากล็อตเตอรี่

แม้ไม่ได้มีการระบุถึงใครโดยตรง

แต่สังคมการเมืองชำเลืองมองไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คู่ขัดแย้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเคยมีธุรกิจเกี่ยวกับสลากกินแบ่งรัฐบาลมาอย่างยาวนาน

นี่จึงทำให้บทบาทของแรมโบ้อีสานโดดเด่น โลดทะยาน เมื่อนำทีมเข้าไปตะลุยกลุ่มค้าหวยออนไลน์ ไม่ว่าบริษัท มังกรฟ้า ล็อตเตอรี่ จำกัด หรือบริษัทกองสลากพลัส

และพยายามจงใจโยงไปยังกลุ่มการเมืองตรงข้าม อย่าง ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ถูกตอบโต้กลับอย่างเผ็ดร้อนว่าไม่จริง

ขณะที่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสนิ่งเฉยไม่มีการตอบโต้ และไม่พยายามเข้าไปคลุกโคลนเกี่ยวข้อง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็เกิดปรากฏการณ์ “คลิปหลุด” ที่เปลี่ยนบทบาท “แรมโบ้” จากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับในพริบตา

โดยมี “นางจุรีพร สินธุไพร” เป็นตัวละครสำคัญ

ซึ่งเธอได้เอ่ยปากขอโทษนายเสกสกล ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น พร้อมนำพวงมาลัยมาขอขมาด้วย

นางจุรีพรเป็นน้องสาวของนายนิสิต สินธุไพร ที่มีจุดยืนเคียงข้างคนเสื้อแดง และขณะนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ

แต่นางจุรีพรเลือกมายืนฝ่ายตรงข้าม โดยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แม้ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ก็ได้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นการปลอบใจ

ว่ากันว่า นางจุรีพรเคยสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส ตั้งแต่สมัยยืนอยู่ในปีกนายทักษิณ ชินวัตร

เมื่อย้ายขั้วมาอยู่ฝั่งพรรคพลังประชารัฐ ก็สังกัดกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส

การได้ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีข่าวว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขณะดำรงตำแหน่ง รมช.แรงงาน ลงชื่อรับรอง

จึงผูกพันกันมายาวนาน ขนาด ร.อ.ธรรมนัสเปลี่ยนไปสวมเสื้อพรรคเศรษฐกิจไทย นางจุรีพรก็เคยเข้าร่วมกิจกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด

ดังนั้น เมื่อโผล่มาเป็นตัวละครในกรณีคลิปหลุดกับแรมโบ้อีสาน จึงเกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งนางจุรีพรยืนยันว่าไม่มีเบื้องหลัง และแรมโบ้อีสานก็ดูจะไม่ติดใจนางจุรีพร ยอมรับการขอโทษ และเชื่อว่าเธอถูกนายกิ๊กแอบอัดคลิปเสียงไปเปิดเผย

กรณีที่เกิดขึ้นจึงยังเป็นปริศนาว่าเป็นมาอย่างไร

แต่กระนั้น ผลกระทบที่รุนแรงต่อแรมโบ้อีสานก็ถือว่าแรง

กรณีที่เกี่ยวกับหวยโดยตรง นายพชรล์ เมสสิยาห์พร ประธานกรรมการบริษัท มังกรฟ้า ล็อตเตอรี่ จำกัด ที่ถูกแรมโบ้อีสานลุยรัง ก็จับมือกับทนายดัง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประกาศตอบโต้โดยระบุว่ามังกรฟ้าไม่ใช่ “มังกือ” อย่าประเมินมังกรฟ้าต่ำไป

แต่ก่อนการแถลง ปรากฏว่า นายพชรล์ถูกตำรวจบุกจับก่อนพร้อมตั้ง 4 ข้อเกี่ยวกับล็อตเตอรี่ออนไลน์ ทำให้เรื่องสลับซับซ้อน และเพิ่มปริศนาขึ้นไปอีก โดยนายพชรล์บอกว่าถูกกลั่นแกล้งและไม่เคยรู้จักนักการเมืองคนใด รวมถึงแรมโบ้อีสานด้วย

ทางด้านกฎหมาย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้โพสต์ถึงกรณีคลิปเสียงนายเสกสกลว่า

1. หากใช้เงินซื้อเสียง ผิดแน่นอน ไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับเลือก ไม่มีอายุความ หาก กกต.สอบสวนแล้วเป็นจริงต้องยื่นศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

2. หากสอบแล้วว่ามีการซื้อเสียง มีโทษอาญา จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

3. จะใช้ 15 ล้าน หรือ 100 ล้าน เพื่อสู้ฝ่ายตรงข้ามในการเลือกตั้ง เท่ากับแจ้งบัญชีรายรับรายจ่ายหลังเลือกตั้งเป็นเท็จ หรือหากเกี่ยวข้องไปถึงหัวหน้าพรรคต้องระวางโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

4. เรื่องนี้ กกต.สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยไม่ต้องมีผู้ร้องก็ได้

ซึ่งก็ปรากฏว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขานรับโดยระบุว่าสำนักงานจะเริ่มจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลจะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนตามระเบียบ กกต.ต่อไป

นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว ในทางการเมือง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจคนดัง กระแทกแดกดันว่า ควรมีการตั้งพรรครวมพลังหวยสร้างชาติ เพื่อแก้ปัญหาหวยโดยเฉพาะ

ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องจัดการ ไม่ปลดก็ต้องพักงาน และตรวจสอบโดยด่วน หากไม่จัดการอาจถูกมองได้ว่ามีส่วนรู้เห็น และ กมธ.จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วย

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ประกาศยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ 2 เรื่อง คือ 1.ขอให้ตรวจสอบนายเสกสกลกระทำผิดเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช. มาตรา 28 หรือไม่ และเข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองหรือไม่

แต่ดูเหมือนนายเสกสกลจะไม่สนใจ และประกาศจะเดินหน้าต่อ

“ผมมีความผิดอะไร ไม่ได้ทำผิด ไม่ได้โกง”

เมื่อถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ นายเสกสกลกล่าวว่า อย่าไปโยง ไม่อยากไปคิดตรงนั้น เอาเป็นว่า เป็นแผนการดิสเครดิตและต้องการทำลายตนเท่านั้น แต่เชื่อมั่นในจุดยืน และวิญญาณของตัวเอง โดยตั้งใจทำงานต่อไป

แม้จะเสียงดังฟังชัด ตามสไตล์แรมโบ้

แต่การ “ถูกหวย” ทางการเมืองครั้งนี้

ก็ถือว่าหนักหน่วงอย่างยิ่ง

และไม่ใช่แรมโบ้อีสานเท่านั้น หากจะโยงไปกระทบถึง “ลุงตู่” ผู้โอบอุ้มด้วย